สวรส. สรุปผลผลักดันวิจัยโควิด หนุนใช้ออกแบบมาตรการรัฐ ผ่อนปรนล็อคดาวน์ประเทศ บอร์ดแนะเร่งวิจัยต่อเนื่องครอบคลุมระยะกลาง-ยาว

พฤหัส ๑๑ มิถุนายน ๒๐๒๐ ๑๖:๑๙
สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) จัดประชุมคณะกรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ครั้งที่ 5/2563 โดยมี นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานฯ เมื่อเร็วๆนี้ ณ ห้องประชุมสุปัญญา สวรส. อาคารสุขภาพแห่งชาติ

นพ.นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) กล่าวว่า ในช่วงสถานการณ์การระบาดโควิด-19 สวรส. ได้เร่งขับเคลื่อนการวิจัยภายใต้แผนงานวิจัยระบบสาธารณสุขเร่งด่วนเพื่อตอบสนองการระบาดโควิด-19 วงเงินงบประมาณ 103 ล้านบาท ซึ่งแผนงานดังกล่าวกำหนดกรอบการวิจัยสำคัญไว้ 5 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ แนวทางการตรวจคัดกรองการวินิจฉัยและรักษา, การวิจัยทางคลินิก, การวิจัยด้านระบาด, การป้องกันและควบคุมการติดเชื้อ และการวิจัยเชิงระบบสุขภาพ โดย สวรส. ได้ดำเนินการสนับสนุนทุนวิจัย ไปแล้วกว่า 20 โครงการ อาทิเช่น การพัฒนาแบบจำลองปอดโดยแบบจำลองการเลี้ยงเซลล์สามมิติเพื่อพัฒนายาในการรักษาโควิด-19, การเตรียมพลาสมาผู้ฟื้นจากโรคโควิด-19 เพื่อใช้รักษาผู้ป่วยโควิด, การใช้ยาฟาวิพิราเวียร์เทียบกับการรักษาแบบประคับประคองในผู้ป่วยโควิดที่มีอาการไม่หนักและยังไม่มีภาวะปอดอักเสบ, ความชุกการติดเชื้อด้วยการตรวจทางซีโลยีและการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันต่อการติดเชื้อ SAR-CoV-2 ในบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าที่ดูแลผู้ป่วยในสถานการณ์ระบาดโรคโควิด-19 ภายใน รพ.ศิริราช, การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิภาพการป้องกันติดเชื้อโควิดด้วยคลอโรควินและวิตามินซีในผู้อยู่อาศัยร่วมบ้านกับป่วยที่ได้รับวินิจฉัยว่าติดเชื้อโควิด-19, การศึกษาการตอบสนองและเตรียมพร้อมของระบบบริการสุขภาพต่อวิกฤตการระบาดของโควิด-19 ในด้านการดำเนินการของโรงพยาบาล รวมถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมภายในขอบเขตของระบบสุขภาพ เป็นต้น

ทางด้าน ผศ.ดร.จรวยพร ศรีศศลักษณ์ ผู้จัดการงานวิจัยอาวุโส สวรส. ได้กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับงานวิจัยซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการระบาดโควิค-19 ของประเทศในแต่ละช่วง ซึ่ง สวรส. ได้เร่งผลักดันผลการศึกษาวิจัยต่างๆ เพื่อนำไปใช้ในการออกแบบมาตรการของรัฐ อาทิเช่น การสังเคราะห์มาตรการและนโยบายของรัฐบาลในการลดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดจากการประเมินการปฏิบัติตนของประชาชนไทยที่มีต่อมาตรการต่างๆ และผลศึกษาจากโครงการเศรษฐศาสตร์พฤติกรรมว่าด้วยเส้นทางชีวิตและกิจกรรมร่วมของครัวเรือนไทยภายใต้สถานการณ์โควิด-19 โดยได้นำเสนอผลการวิจัยพร้อมข้อเสนอเชิงนโยบายต่อศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาแนวทางผ่อนปรนมาตรการล็อคดาวน์ประเทศ นอกจากนั้น สวรส. ยังได้สนับสนุนให้มีการศึกษาเพื่อพัฒนามาตรการกักตัวสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ที่สัมผัสผู้ติดเชื้อโควิด-19 โดยจะช่วยกำหนดจำนวนวันของการกักตัวของบุคลากรทางการแพทย์ที่เหมาะสม เนื่องจากระยะเวลาการกักตัวที่นานเกินไป เช่น 14 วัน อาจส่งผลต่อการขาดกำลังคนในการทำงาน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อระบบบริการสาธารณสุข

ทั้งนี้ คณะกรรมการ สวรส. ได้ให้แนวทางและข้อเสนอแนะในการศึกษาวิจัยสำคัญๆ ในระยะต่อไป อาทิเช่น โครงการวิจัยที่ต้องใช้จำนวนผู้ป่วยเป็นกลุ่มตัวอย่าง ถ้าจำนวนผู้ป่วยไม่เพียงพออาจส่งผลกระทบต่อการวิจัย ควรมีแผนรองรับและปรับแผนการดำเนินงานให้เหมาะสม การศึกษาระยะฟักตัวและระยะการแพร่เชื้อของโควิด-19 จากกรณีที่มีข้อมูลของระยะเวลาการตรวจพบเชื้อที่นานกว่า 14 วัน ควรมีประเด็นการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อให้ความรู้กับประชาชน ต้องมีการสื่อสารข้อมูลความรู้ที่ถูกต้อง เพื่อลดความวิตกกังวลของประชาชนต่อการระบาดของโรค เนื่องจากความวิตกกังวลในเรื่องดังกล่าวมีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันที่เชื่อมโยงต่อผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ นอกจากนั้น ผลกระทบที่สำคัญจากการระบาดของโควิด-19 อาทิ การปรับระบบบริการของโรคอื่นๆ ของโรงพยาบาล เช่น ระบบ Stroke Fast Track ที่อาจมีผลต่อการเสียชีวิตของผู้ป่วยในโรคนี้มากกว่าผู้ป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19 เนื่องจากการรักษามีการยืดระยะเวลาออกไป รวมทั้งการงดให้บริการโรคเรื้อรังอื่นๆ หรือบริการทางทันตกรรม ดังนั้น จำเป็นต้องมีองค์ความรู้สำหรับการรับมือในอนาคตต่อการระบาดของโรคในลักษณะการระบาดใหญ่ (pandemic) และการปรับตัวของระบบบริการต่อปัญหาการเจ็บป่วยโรคอื่นๆ ที่ไม่ใช่โควิด-19 ด้วย

นพ.นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการ สวรส. กล่าวปิดท้ายว่า สวรส. จะนำข้อเสนอต่างๆจากคณะกรรมการไปพัฒนาการดำเนินงานในระยะต่อไป โดยแนวทางการทำงานหนึ่งของ สวรส. จะเปิดให้มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้จากหน่วยงานต่างๆ รวมถึงการถอดบทเรียนทั้งในมิติสุขภาพ เศรษฐกิจ สังคม ที่เกิดขึ้นในช่วงสถานการณ์โควิด-19 เพื่อนำความรู้มาใช้ประโยชน์ต่อไป

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๓:๒๔ แจกจริง! แบรนด์ซุปไก่สกัดส่งมอบรถเทสล่า มูลค่า 1.649 ล้านบาท ให้ผู้โชคดี ในแคมเปญ ดื่มแบรนด์ สแกนเลขในขวด ปี
๑๓:๕๐ GFC ตอบโจทย์ทุกความปลอดภัยเรื่องอาคาร - ถังแช่แข็งตัวอ่อน เปิดให้บริการสำหรับผู้มีบุตรยากตามปกติครบ 3
๑๓:๕๗ KJL ลุยภาคใต้! จัดใหญ่สัมมนา 'รวมพลคนไฟฟ้า ON TOUR' ที่ภูเก็ต
๑๒:๐๐ แว่นท็อปเจริญ จับมือ กรมกำลังพลทหารบก แนะแนวการศึกษาและอาชีพ สร้างโอกาสแก่ทหารกองประจำการและครอบครัว
๐๒ เม.ย. AnyMind Group คว้ารางวัล Gold ในงาน Martech Innovation Awards 2025
๐๒ เม.ย. โชว์พลังดีไซน์ไทยในงาน STYLE Bangkok 2025 รวมแบรนด์ดาวรุ่งจาก Talent Thai และ Designers' Room ที่คุณไม่ควรพลาด
๐๒ เม.ย. ธนาคารกสิกรไทย จัดสัมมนาใหญ่ K WEALTH Forum: เจาะลึก 5 ปัจจัยเปลี่ยนเกมการลงทุนโลก
๐๒ เม.ย. PSP ปิดดีลทุ่ม 409.5 ลบ. ถือหุ้นใน รีไซเคิล เอ็นจิเนียริ่ง (RE) ปักหมุดธุรกิจสู่ศูนย์กลางรีไซเคิลสารเคมีแห่งภูมิภาค
๐๒ เม.ย. กลุ่มซีไอเอ็มบี เปิดรับสมัครสอบชิงทุน CIMB ASEAN Scholarship 2025 ทุนเรียนต่อปริญญาตรี - ปริญญาโท พร้อมโอกาสร่วมงานกับกลุ่มซีไอเอ็มบี
๐๒ เม.ย. ศูนย์การค้าเครือเอ็ม บี เค เปิดพิกัดจุดสรงน้ำพระ เสริมสิริมงคลกับเทศกาล สงกรานต์อิ่มบุญ