นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) (ECF) เปิดเผยว่า ความสำเร็จการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ ต้องขอขอบคุณในความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อปัจจัยพื้นฐาน และฐานะการเงินของบริษัทฯ ตลอดจนการขยายธุรกิจเพื่อเป้าหมายการเติบโตที่แข็งแกร่งในอนาคต โดย ECFมีพื้นฐานธุรกิจที่ยังมีโอกาสเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และธุรกิจด้านพลังงานทำให้ในช่วงที่ผ่านมา ผลประกอบการเติบโตมีเสถียรภาพ สร้างความเชื่อมั่นต่อผู้ลงทุน และส่งผลให้มียอดขายหุ้นกู้ในครั้งนี้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยเสนอขายให้แก่นักลงทุนสถาบันและหรือนักลงทุนรายใหญ่ ตั้งแต่วันที่ 8-11 มิ.ย.2563 ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับผลตอบรับดี และขายหมดในมูลค่าที่ออกและเสนอขายรวม 400 ล้านบาท และมียอดจองส่วนเกินอีก 180 ล้านบาท
โดยบริษัทฯ ออกและเสนอขายหุ้นกู้ มีประกันบางส่วน ครั้งที่ 1/2563 มูลค่าเสนอขายรวมไม่เกิน 600 ล้านบาท เป็นมูลค่าที่เสนอขายไม่เกิน 400 ล้านบาท และหุ้นกู้สำรองไม่เกิน 200 ล้านบาท อายุ 2 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ.2565 มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 7.25 ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ มีหลักประกันครอบคลุมวงเงินกู้ยืมสูงสุด 1.5 เท่า
วัตถุประสงค์การออกหุ้นกู้ครั้งนี้ เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน เพิ่มสภาพคล่องให้แก่บริษัท รองรับการขยายธุรกิจหลัก และการลงทุนในธุรกิจพลังงานต่าง ๆ อาทิ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ประเทศเมียนมาร์ ที่บริษัทเข้าลงทุนในสัดส่วน 20% ในบริษัท พลังงานเพื่อโลกสีเขียว (ประเทศไทย) จำกัด รวมทั้งชำระคืนหุ้นกู้ ECF208A ซึ่งจะครบกำหนด วันที่ 16 ส.ค.63 ซื้อคืนหุ้นกู้ ECF208A จากตลาดรอง และนำไปใช้วางเป็นประกันการออกหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2563
สำหรับการเสนอขายและออกหุ้นกู้ของ ECF ในครั้งนี้ มีบริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป และ บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย ทั้งนี้ บริษัทได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ 'BB+’ แนวโน้ม Stable จากบริษัท ทริส เรทติ้งจำกัด
“แผนการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยม ถือเป็นการขยายฐานนักลงทุนหุ้นกู้ของบริษัท และสะท้อนความสามารถจัดหาแหล่งเงินทุนที่เหมาะสม ผมในฐานะผู้บริหารขอขอบคุณ ผู้ลงทุนทุกท่านที่ให้การสนับสนุนและให้ความไว้วางใจต่อแผนการดำเนินธุรกิจของ ECF ในครั้งนี้ แม้ว่าจะอยู่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 เพื่อพร้อมรองรับการขยายธุรกิจในอนาคตข้างหน้า” นายอารักษ์ กล่าว