นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยถึงรายละเอียดการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์รุ่นวอลเล็ต สบม. ของกระทรวงการคลัง วงเงินรวม 200 ล้านบาท ผ่านวอลเล็ต สบม. (วอลเล็ตสะสมบอนด์มั่งคั่ง) บนแอปพลิเคชันเป๋าตัง ว่าได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากประชาชน สามารถจำหน่ายได้หมดภายใน 99 วินาที เฉลี่ยวินาทีละ 2.02 ล้านบาท ยอดลงทุนเฉลี่ย 145,560 บาทต่อคน จำนวนผู้ซื้อทั้งสิ้น 1,374 คน จาก 76 จังหวัดทั่วประเทศ แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 45% ต่างจังหวัด 55% เป็นเพศหญิงในสัดส่วน 67% เป็นเพศชาย 33% โดยผู้ซื้อที่อายุน้อยที่สุด 15 ปี อายุมากที่สุด 83 ปี ยอดซื้อน้อยที่สุด 100 บาท มากที่สุด 500,000 บาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าดิจิทัลแพลตฟอร์ม เป็นช่องทางที่สอดคล้องกับ New Normal และช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ๆให้กับประชาชน โดยธนาคารจะใช้ช่องทางดังกล่าว สนับสนุนการซื้อขายพันธบัตรรุ่นอื่นๆ ตลอดจนรองรับการซื้อขายพันธบัตรในตลาดรอง
“การจำหน่ายพันธบัตรผ่านวอลเล็ต สบม. บนแอปพลิเคชั่นเป๋าตังในครั้งนี้ เป็นการสนับสนุนระบบการเงินในโลกแห่งอนาคต ซึ่งเป็นการนำพลานุภาพของระบบดิจิทัล มาสร้างความเป็นธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้ ด้วยระบบการจองก่อนได้ก่อน ลดขั้นตอนต่างๆ เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการการออกพันธบัตร ช่วยให้ประชาชนทุกกลุ่ม ทุกภูมิภาค สามารถจองซื้อได้อย่างเท่าเทียมและทั่วถึง ที่สำคัญทำให้ประชาชนรายย่อยเข้าถึงการลงทุนในพันธบัตรด้วยเงินเริ่มต้นเพียง 100 บาท อีกทั้งยังสนับสนุนให้เยาวชนที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป มีโอกาสออมเงินเพื่อลงทุน ด้วยขั้นตอนการซื้อขายที่ง่ายดาย สะดวกสบาย และสามารถทำได้ด้วยตนเอง”
ทางด้าน นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ร่วมชื่นชมความสำเร็จในครั้งนี้ โดยกล่าวถึงโครงการ 1 บาทบอนด์ที่สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ร่วมกับธนาคารกรุงไทยจัดทำขึ้นว่า เป็นนวัตกรรมด้านโครงสร้างพื้นฐานของตลาดทุนที่ทำให้ประชาชนทั่วไป สามารถเข้าถึงการออมเงินได้สะดวก และจะสามารถต่อยอดไปในการออมในตราสารอื่นๆ ได้ในอนาคต ส่วนนายเดช ฐิติวณิช ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายระบบข้อสนเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้แสดงความยินดีกับความสำเร็จของกระทรวงการคลัง สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ และธนาคารกรุงไทย ในโอกาสเปิดตัววอลเล็ตสะสมบอนด์มั่งคั่ง ซึ่งเป็นครั้งแรกในประเทศที่ได้นำเทคโนโลยี Blockchain ที่ออกแบบประยุกต์ใหม่ มาใช้ในการขายพันธบัตรออมทรัพย์แบบไร้ใบตราสาร (Scripless) ซึ่งแพลตฟอร์มใหม่นี้จะช่วยนักลงทุน ซื้อพันธบัตรอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และตรวจสอบได้ รวมทั้งสามารถรองรับธุรกรรมที่มีความหลากหลายในอนาคต