นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan, Head of Marketing and Wealth Advisory, Mutual & Private Fund Business, TISCO Asset Management Co., Ltd.) เปิดเผยว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่าเทคโนโลยี 'คลาวด์ คอมพิวติง’ (Cloud Computing) หรือระบบโครงสร้างพื้นฐานสำหรับจัดเก็บข้อมูลและประมวลผลบนเซิร์ฟเวอร์ เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคมากขึ้น ผ่านการใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ เช่น Google, Dropbox, Facebook, Zoom หรือกระทั่ง Netflix ก็ล้วนแต่มี Cloud มาเป็นส่วนสำคัญในการให้บริการแทบทั้งสิ้น และจะยิ่งมีบทบาทมากขึ้นในอนาคต จากการเข้ามาของ Internet of Things (IoT) ในยุค 5G เพราะจะทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่รอบตัวผู้บริโภคเชื่อมต่อและสั่งการผ่านระบบอินเทอร์เน็ตได้อย่างหลากหลายมากขึ้น โดยมี Cloud อยู่ในระบบการทำงานดังกล่าว
นอกจากนี้ Cloud ยังอยู่เบื้องหลังความสำเร็จในทุกภาคอุตสาหกรรมทั่วโลกที่นำเทคโนโลยีมาใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจ เช่น การใช้ Big Data มาจับพฤติกรรมผู้บริโภค และปรับเปลี่ยนธุรกิจมาใช้เทคโนโลยีมากขึ้นรับกับยุค New Normal เป็นต้น ซึ่ง Cloud นอกจากจะช่วยให้ผู้ประกอบการจัดเก็บข้อมูลจำนวนมากอย่างเป็นระบบ ปลอดภัย เข้าถึงง่ายทุกที่ทุกเวลา การทำงานราบรื่นและยืดหยุ่นแล้ว ยังช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันที่ดียิ่งกว่าบริษัทที่ลงทุนกับระบบจัดเก็บข้อมูลด้วยตัวเอง เพราะทำให้ต้นทุนการดำเนินงานต่ำกว่า และสามารถบริหารทรัพยากรบุคคลได้เต็มศักยภาพ โดยไม่ต้องกังวลระบบหลังบ้านที่ไม่ถนัด
จากข้อมูลข้างต้น จึงมองว่าเป็นโอกาสที่ดีหากได้ลงทุนในบริษัทที่อยู่ในห่วงโซ่ธุรกิจของ Cloud เพราะทุกบริษัทล้วนแต่มีโอกาสและศักยภาพในการเติบโตที่ดีตามความต้องการของผู้ใช้งาน ดังนั้น บลจ.ทิสโก้จึงเปิดเสนอขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ Cloud Computing อิควิตี้ (TCLOUD) ความเสี่ยงระดับ 7 (เสี่ยงสูง) กองทุนรวมตราสารทุนที่เน้นลงทุนในบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากการใช้เทคโนโลยี Cloud Computing เช่น ธุรกิจซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชัน, ธุรกิจผู้พัฒนาและจัดทำแพลตฟอร์ม, ธุรกิจผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานในการจัดเก็บข้อมูล, บริษัทที่เป็นเจ้าของหรือบริหารจัดการพื้นที่จัดเก็บข้อมูล, ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) ที่เกี่ยวข้องกับศูนย์จัดเก็บข้อมูล (Data Center) และธุรกิจผลิตหรือจัดจำหน่ายโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้ในการประมวลผลข้อมูล และอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์สำหรับจัดทำ Cloud ผ่านกองทุนอีทีเอฟ Global X Cloud Computing ETF (กองทุนหลัก) ลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท เปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) วันที่ 29 มิถุนายน - 13 กรกฎาคม 2563 ทั้งนี้ กองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก
“จุดเด่นของกองทุนนี้ คือนักลงทุนจะได้กระจายการลงทุนไปยังบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากการใช้ Cloud อย่างหลากหลายจากการลงทุนเพียงครั้งเดียว ทั้งหมดล้วนแต่เป็นธุรกิจในกลุ่มเทคโนโลยีที่มีโอกาสเติบโตสูงตามกระแสเมกะเทรนด์ของโลก ซึ่งข้อมูลจาก Gartner และ Global X ETFs ณ ปี 2562 คาดว่ากลุ่มที่ทำธุรกิจที่เกี่ยวกับ Cloud Computing โดยรวมจะเติบโตในระดับประมาณ 15-16% ในช่วงปี 2563-2565 โดยกลุ่มบริษัทที่ใช้ Cloud ในการพัฒนาซอฟต์แวร์จะเป็นกลุ่มที่รายได้สูงที่สุด โดยรายได้หลักมาจากค่าสมัครสมาชิก ซึ่งถือเป็นกระแสเงินสดที่จะมีเข้ามาอย่างต่อเนื่องทุกๆ ปีและ หากลูกค้าใช้งานจนคุ้นเคย บริษัทผู้พัฒนาซอฟต์แวร์มีโอกาสทยอยปรับราคาค่าสมาชิกเพิ่มขึ้นได้อีก นอกจากนี้ยังพบว่าอัตรากำไรของธุรกิจนี้ยังสูงอีกด้วย เพราะไม่มีต้นทุนอื่นอีกนอกจากการพัฒนาซอฟต์แวร์” นายสาห์รัชกล่าว
สำหรับบริษัทที่กองทุนหลักเข้าไปลงทุน ส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทที่มีโอกาสสร้างรายได้จากการเจริญเติบโตของธุรกิจ ตัวอย่างเช่น Shopify Inc ผู้ให้บริการระบบ E-commerce สำเร็จรูป ที่มีร้านค้าบนระบบกว่า 1 ล้านร้านค้า มีกระแสเงินสดจากการเก็บค่าบริการรายเดือน มีรายได้เติบโตสูงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยรายได้เติบโตถึง 59% ในปี 2561 และ 47% ในปี 2562, บริษัท ซี-สเกลเลอร์ (Zscaler) ผู้นำด้านการให้บริการ Web Security และผู้ให้บริการ Cloud ระดับโลก โดยมีลูกค้าองค์กรชั้นนำเลือกใช้งาน มีรายได้เติบโต 52% ในปี 2561 และ 59% ในปี 2562, Twilio Inc บริษัทผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการสื่อสารบน Cloud ระหว่างซอฟแวร์ด้วยกัน มีอัตราการเติบโตของรายได้ 63% ในปี 2561 และ 74% ในปี 2562 และ Zoom Inc ผู้ให้บริการ Video Conference และ Online Chat บน Cloud ซึ่งได้รับความนิยมมากในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID -19 ปัจจุบันมีผู้ใช้งานกว่า 300 ล้านคนต่อวันและเป็นบริษัทที่มีโอกาสเติบโตสูงตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป มีรายได้เติบโตสูงถึง 88% ในปีล่าสุด 2562 (ที่มา: globalxetfs Fund Fact Sheet ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563)
พิเศษสำหรับลูกค้าที่มียอดเงินลงทุนในกองทุน TCLOUD ระหว่างวันที่ 29 มิถุนายน - 13 กรกฎาคม 2563 ตั้งแต่ 5,000,000 – 9,999,999 บาท จะได้รับหน่วยลงทุนกองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรระยะสั้น (TISCOSTF) มูลค่า 5,000 บาท ยอดเงินลงทุนตั้งแต่ 10,000,000 – 19,999,999 บาทรับทองคำหนัก 2 สลึง มูลค่าประมาณ 12,950 บาท และ ยอดเงินลงทุนตั้งแต่ 20 ล้านบาทรับทองคำหนัก 1 บาท มูลค่าประมาณ 25,900 บาท (1 ท่าน ต่อ 1 สิทธิ์)
ทั้งนี้ กองทุนเปิด TCLOUD อาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในต่างประเทศ จึงมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนรวม ผู้สนใจลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า ศึกษาข้อมูลสำคัญของกองทุนรวม โดยเฉพาะนโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุนที่ได้เปิดเผยไว้ที่ www.tiscoasset.com และสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ. ทิสโก้ หรือ ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา, TISCO Contact Center โทร. 02-633-6000 กด 4, www.tiscoasset.com หรือ แอปพลิเคชัน TISCO My Funds