นายเสนธิป ศรีไพพรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าธุรกิจ ทีเอ็มบี เปิดเผยว่า ภาคอุตสาหกรรมการเกษตรมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากทั้งปัญหาภัยแล้งและสถานการณ์โควิด-19 ทีเอ็มบีจึงร่วมมือกับกลุ่มมิตรผล ผู้นำในอุตสาหกรรมการเกษตรของไทยช่วยเหลือชาวไร่ในกลุ่มมิตรผลภายใต้โปรแกรม Supply Chain Financing Solution ซึ่งเป็นความร่วมมือกันพัฒนาระบบการจ่ายเงินส่งเสริมการปลูกอ้อย หรือที่เรียกว่าเกี๊ยวเงิน โดยเป็นการโอนเงินเข้าบัญชีชาวไร่โดยตรง เพื่อเพิ่มความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยในการรับเงินแทนการออกเช็คล่วงหน้าแบบเดิม ๆ
“ทีเอ็มบี ได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินส่งเสริมการปลูกอ้อย หรือ เกี๊ยวเงิน เพื่อช่วยลดต้นทุนทางการเงินให้ชาวไร่สามารถมีเงินทุนไปซื้อปัจจัยการผลิตสำหรับทำการเพาะปลูก ซึ่งปัจจุบันมีชาวไร่ภายใต้โครงการนี้หลายพันรายทั่วประเทศ พร้อมกันนี้ธนาคารยังได้ร่วมทำโครงการอื่น ๆ กับทางกลุ่มมิตรผล อย่างเช่น การพัฒนาแพลตฟอร์มการจ่ายเงิน รองรับการทำ E-Commerce ภายใต้โครงการ “ปลูกมิตร” จัดทำ Payment Gateway ช่วยเสริมความมั่นใจให้ชาวไร่ในเรื่องความปลอดภัยและเป็นการเพิ่มช่องทางความสะดวกในการชำระเงิน” นายเสนธิปกล่าว
ทีเอ็มบีและธนชาต ผู้นำแนวคิด Make REAL Change เชื่อมั่นว่าการก้าวข้ามสถานการณ์นี้ได้ ทุกภาคส่วนต้องผนึกกำลังช่วยเหลือและร่วมมือกันทั้งธุรกิจขนาดใหญ่และขนาดเล็ก การช่วยเหลือแบบส่งต่อตลอดทั้งซัพพลายเชน จะเป็นการช่วยทั้งระบบที่ได้ผลในวงกว้างและรวดเร็ว ทำให้ทุกคนสามารถตั้งรับเชิงรุกเดินหน้าได้อีกครั้ง สร้างความแข็งแกร่งให้ทั้งอุตสาหกรรม ทำให้ทุกฝ่ายมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ส่งผลต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทยได้ในเร็ววัน
นายวีระเจตน์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจน้ำตาลประเทศไทย พลังงาน และธุรกิจใหม่ กลุ่มมิตรผล กล่าวว่า กลุ่มมิตรผลมองหาแนวทางในการสนับสนุนชาวไร่มาตลอด โดยเรามีการเตรียมงบประมาณส่วนหนึ่งสำหรับเงินส่งเสริมชาวไร่ ซึ่งถือเป็นโอกาสอันดีที่ทางทีเอ็มบีได้นำเสนอโปรแกรมซัพพลายเชน โซลูชัน เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการช่วยเหลือชาวไร่ทั้งด้านเงินทุนและการนำดิจิทัล โซลูชันมาช่วยในการบริหารจัดการ ลดขั้นตอนต่าง ๆ ทำให้ชาวไร่ได้รับเงินส่งเสริมการปลูกอ้อยสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ทีเอ็มบียังปรับลดอัตราดอกเบี้ยพิเศษเงินส่งเสริมการปลูกอ้อยให้ชาวไร่ ซึ่งถือเป็นการต่อยอดให้ชาวไร่มีเงินทุนหมุนเวียนไปซื้อปัจจัยการผลิตได้ และทางกลุ่มมิตรผลได้พัฒนาเพิ่มช่องทางให้ชาวไร่สามารถเข้าถึงปัจจัยการผลิตได้สะดวกมากยิ่งขึ้นผ่านแพลตฟอร์ม “ปลูกมิตร” ที่คัดสรรและรวบรวมอุปกรณ์ทางการเกษตรที่มีคุณภาพในราคายุติธรรม โดยทีเอ็มบีได้มาเสริมความแข็งแกร่งด้านความปลอดภัยในการชำระเงิน ทำให้การส่งเสริมเป็นไปอย่างครบวงจรให้ชาวไร่สามารถทำการ
เพาะปลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ การพัฒนาโซลูชันทางการเงินและการจัดการทั้งหมดนี้ทำให้การดำเนินธุรกิจของกลุ่มมิตรผลมีการเปลี่ยนแปลงดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“กลุ่มมิตรผลให้ความสำคัญกับซัพพลายเชนอย่างมาก ซึ่งเมื่อดูจากผลผลิตที่เรามีอยู่ทั้งหมด ไม่ว่าจะอ้อย น้ำตาล พลังงาน จะเห็นได้ว่าอยู่ในซัพพลายเชนเดียวกันทั้งหมด เราจึงต้องการบริหารทั้งซัพพลายเชนให้เกิดประสิทธิภาพในทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการจัดหาวัตถุดิบ การผลิต การตลาด ซึ่งแน่นอนว่าการเชื่อมโยงดังกล่าวทำให้ทั้งธุรกิจรายใหญ่และชาวไร่ทั่วประเทศสามารถเติบโตไปได้ด้วยกัน และช่วยขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจไทยโดยรวมได้” นายวีระเจตน์กล่าว