เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ประเมินผ่อนคลายมาตรการระยะที่ 5 ยังไม่ส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอย่างมีนัยสำคัญ

อังคาร ๓๐ มิถุนายน ๒๐๒๐ ๑๓:๕๗
นายธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์ นักกลยุทธ์ เศรษฐศาสตร์มหภาค บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ประเมินว่า จากการที่ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ชุดใหญ่ ได้พิจารณาผ่อนคลายมาตรการระยะที่ 5 โดยอนุญาตให้กลุ่มธุรกิจสีแดงกลับมาเปิดทำการมีผล 1 ก.ค.ประกอบไปด้วย 1.ผับ บาร์ คาราโอเกะ 2.ร้านเกมส์ และร้านอินเทอร์เน็ต 3.อาบ อบ นวด พร้อมกับขยายระยะเวลาให้ร้านสะดวกซื้อให้กลับมาเปิดบริการ 24 ชม. และศูนย์การค้าเปิดได้ตามปกติ ยิ่งไปกว่านั้น ศบค.ยังมีมติเห็นชอบให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศ โดยมุ่งเป้าไปที่นักธุรกิจและกลุ่มผู้รับบริการทางการแพทย์ โดยมีประเทศเป้าหมายคือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ จีน และฮ่องกง ภายใต้มาตรการการตรวจคัดกรอง COVID-19 ที่เข้มงวดจากประเทศต้นทาง และตรวจซ้ำอีกครั้งเมื่อเดินทางเข้าไทย รวมถึงการควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด จากเจ้าหน้าที่รัฐฯ ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในไทย

แม้ว่าการผ่อนปรนระยะที่ 5 จะเป็นสิ่งที่ยืนยันว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยน่าจะผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว แต่ก็ถือว่าเป็นปัจจัยบวกที่มาพร้อมกับความเสี่ยง เนื่องจาก 1.การขยายเวลาของศูนย์การค้าให้กลับมาเปิดได้ตามปกติถึงเวลา 22.00 น.หากเปรียบเทียบกับการผ่อนปรนช่วงก่อนหน้า (ระยะที่ 2 เปิดทำการ 10.00-20.00 น. ระยะที่ 3 ขยายเวลาเปิดทำการ 10.00-21.00 น.ซึ่งเป็นเวลาที่มี Traffic สูง) การผ่อนปรนรอบนี้อาจหนุนให้กำไรของธุรกิจกลับมาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 2.การอนุญาตให้เปิดธุรกิจสถานบันเทิงกลางคืน ผับ บาร์ คาราโอเกะ ถือเป็นจุดเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในระลอกที่ 2 จากข้อสงสัยว่าแนวทางการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) จะสามารถทำได้จริงในทางปฏิบัติหรือไม่ และมูลค่าทางเศรษฐกิจของสถานบันเทิงก็คิดเป็นสัดส่วนเพียง 1% ของ GDP ในปี 2019 เท่านั้น 3.การอนุญาตให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศในลักษณะ Business Bubble ที่ยังอยู่ในวงจำกัด และยิ่งไปกว่านั้นหากมองภาพย้อนไปตั้งแต่วันแรกที่มีการเริ่มพูดถึงแนวทางการผ่อนปรนสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในรูปแบบ Travel Bubble ช่วงปลายเดือน พ.ค. ก็พบว่ามีแรงเก็งกำไรเข้ามาในหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้อง และขายทำกำไรเสร็จสิ้นไปแล้ว ดังนั้นจึงให้น้ำหนักการปลดล็อครอบนี้เป็นเพียง Neutral ไม่ส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอย่างมีนัยสำคัญ แต่ในทางกลับกันประเด็นที่มองเป็นเชิงบวกคือ การควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ทำได้ดีอย่างต่อเนื่อง หลังไม่พบผู้ติดเชื้อภายในประเทศติดต่อกัน 35 วัน ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนให้ตลาดหุ้นไทยคงรอบการฟื้นตัวได้ในระยะสั้น

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๒ ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๑๗:๑๖ กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๑๗:๕๕ Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๑๗:๔๗ โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๑๗:๑๒ ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๑๗:๐๐ กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๑๖:๐๐ WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๑๖:๐๔ เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๑๖:๔๗ ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๑๖:๐๒ NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ