แม้ว่าการผ่อนปรนระยะที่ 5 จะเป็นสิ่งที่ยืนยันว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยน่าจะผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว แต่ก็ถือว่าเป็นปัจจัยบวกที่มาพร้อมกับความเสี่ยง เนื่องจาก 1.การขยายเวลาของศูนย์การค้าให้กลับมาเปิดได้ตามปกติถึงเวลา 22.00 น.หากเปรียบเทียบกับการผ่อนปรนช่วงก่อนหน้า (ระยะที่ 2 เปิดทำการ 10.00-20.00 น. ระยะที่ 3 ขยายเวลาเปิดทำการ 10.00-21.00 น.ซึ่งเป็นเวลาที่มี Traffic สูง) การผ่อนปรนรอบนี้อาจหนุนให้กำไรของธุรกิจกลับมาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 2.การอนุญาตให้เปิดธุรกิจสถานบันเทิงกลางคืน ผับ บาร์ คาราโอเกะ ถือเป็นจุดเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในระลอกที่ 2 จากข้อสงสัยว่าแนวทางการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) จะสามารถทำได้จริงในทางปฏิบัติหรือไม่ และมูลค่าทางเศรษฐกิจของสถานบันเทิงก็คิดเป็นสัดส่วนเพียง 1% ของ GDP ในปี 2019 เท่านั้น 3.การอนุญาตให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศในลักษณะ Business Bubble ที่ยังอยู่ในวงจำกัด และยิ่งไปกว่านั้นหากมองภาพย้อนไปตั้งแต่วันแรกที่มีการเริ่มพูดถึงแนวทางการผ่อนปรนสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในรูปแบบ Travel Bubble ช่วงปลายเดือน พ.ค. ก็พบว่ามีแรงเก็งกำไรเข้ามาในหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้อง และขายทำกำไรเสร็จสิ้นไปแล้ว ดังนั้นจึงให้น้ำหนักการปลดล็อครอบนี้เป็นเพียง Neutral ไม่ส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอย่างมีนัยสำคัญ แต่ในทางกลับกันประเด็นที่มองเป็นเชิงบวกคือ การควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ทำได้ดีอย่างต่อเนื่อง หลังไม่พบผู้ติดเชื้อภายในประเทศติดต่อกัน 35 วัน ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนให้ตลาดหุ้นไทยคงรอบการฟื้นตัวได้ในระยะสั้น
- ธ.ค. ๑๒๔๔ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง คว้า 2 รางวัล นักบริหารดีเด่น และองค์กรดีเด่นแห่งปี 2564
- ธ.ค. ๒๕๖๗ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง เผยมุมมองก่อนรู้ผลการประชุม FED
- ธ.ค. ๒๕๖๗ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง โชว์ผลการดำเนินงาน Q3/64 เข้าเป้า กำไรพุ่ง 167.21%