ควัก 90 ลบ.ขึ้นแท่นหุ้นใหญ่ผ่าน PPTC 50.7%รุกขยายลงทุนในไทย
พร้อมย้ายหุ้นเทรดกลุ่มพลังงาน ดีเดย์ 1 ก.ค.นี้
EP ส่ง บ.ย่อย "อีเทอร์นิตี้ พาวเวอร์" ทำรายการซื้อหุ้น "เอเพ็กซ์ เอ็นเนอยี่ โซลูชั่น" จำนวน 4,754,398 หุ้น มูลค่ารวม 90 ล้านบาท ส่งผลให้ถือหุ้นทางอ้อม 50.7% ของ "พีพีทีซี" เป็นผู้ดำเนินโครงการผลิตไฟฟ้าระบบ Co-Gen นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง มีกำลังการผลิตไฟฟ้า 120 เมกะวัตต์ และไอน้ำ 30 ตัน ปัจจุบันขายไฟฟ้าครบกำลังการผลิต 100%คาดสร้างรายได้เฉลี่ยปีละ 3,000 ล้านบาท และกำไรสุทธิประมาณร้อยละ 10 ของรายได้ ฟาก "ยุทธ ชินสุภัคกุล" ประธานกรรมการ ระบุเป็นก้าวแรกการขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าในประเทศเพิ่มเติม หนุนอนาคตสดใส พร้อมนำหุ้นย้ายเทรดกลุ่มพลังงาน ประเดิมวันที่ 1 ก.ค.นี้
นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บมจ.อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป (EP) เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2563 บริษัทย่อยของ EP ได้แก่ บริษัท อีเทอร์นิตี้ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) ได้ซื้อหุ้นของ บริษัท เอเพ็กซ์ เอ็นเนอยี่ โซลูชั่น จำกัด จำนวน 4,754,398 หุ้น มูลค่าเงินลงทุน 90 ล้านบาท โดยการเข้าทำรายการซื้อหุ้นดังกล่าวในครั้งนี้ ทำให้บริษัทถือหุ้นทางอ้อมใน บริษัท พีพีทีซี จำกัด (PPTC) 50.7 % และเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท เอสเอสยูที จำกัด จากเดิม 40% เป็น 40.96%
สำหรับ บริษัท พีพีทีซี จำกัด ดำเนินการผลิตไฟฟ้าระบบ Co-Gen ในนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง มีกำลังการผลิตไฟฟ้าได้ 120 เมกะวัตต์ และไอน้ำ 30 ตัน ปัจจุบันขายไฟฟ้าครบกำลังการผลิต 100% ซึ่งมีการประมาณการรายได้เฉลี่ยปีละ 3,000 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ (ไม่รวมกำไร / ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน) ประมาณ 10%ของรายได้ ส่วน SSUT มีกำลังการผลิตไฟฟ้า 240 เมกกะวัตต์ และไอน้ำ 60 ตันในนิคมอุตสาหกรรมบางปู
"การเข้าลงทุนในครั้งนี้ถือเป็นการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าในไทย และจะช่วยสนับสนุนให้ผลงานในปีนี้เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งบริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถผ่านพ้นวิกฤติเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากผลกระทบของโรคไวรัสโควิด-19 ได้อย่างแน่นอน โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 30% จากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,103.73 ล้านบาท เนื่องจากมีรายได้ที่แน่นอนจากธุรกิจโรงไฟฟ้า และมีรายได้เพิ่มขึ้นจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์ ซึ่งเชื่อว่าจะมีแนวโน้มการเติบโตสูงอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต"นายยุทธกล่าว
ประธานกรรมการกล่าวอีกว่า ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 หุ้น EP จะย้ายจากกลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ไปซื้อขายในกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงาน ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยคาดว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มสถาบัน เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง มีแนวโน้มเติบโตอย่างมั่นคง ขณะที่มีค่าพีอีเรโชต่ำกว่า หุ้นตัวอื่น ๆในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน