บริษัท วีเอ็มแวร์ (NYSE: VMW) เปิดตัวนวัตกรรมที่จะช่วยเพิ่มความสะดวกรวดเร็วให้แก่องค์กรธุรกิจของไทยสำหรับการปรับใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และแมชชีนเลิร์นนิ่ง (ML) และก้าวสู่ระบบเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นนวัตกรรมเพิ่มมากขึ้น โดยเทคโนโลยี Bitfusion ที่ถูกบูรณาการเข้ากับ VMware vSphere 7 จะช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานที่ยืดหยุ่นในลักษณะออนดีมานด์ เพื่อรองรับการปรับใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ สำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของไทย ฟีเจอร์ใหม่ที่มีชื่อว่า VMware vSphere Bitfusion ได้รับการพัฒนาต่อยอดหลังจากที่วีเอ็มแวร์เข้าซื้อกิจการของ Bitfusion เมื่อปี 2562 โดย Bitfusion เป็นผู้บุกเบิกระบบเวอร์ชวลไลเซชั่นสำหรับทรัพยากรตัวเร่งความเร็วฮาร์ดแวร์ รวมถึงเทคโนโลยีหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU)
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้นับเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่รองรับธุรกิจสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีที่มีอนาคตสดใสมากที่สุดในโลกและเป็นตลาดอี-คอมเมิร์ซที่มีความคึกคักมากที่สุด และระบบนิเวศน์ด้านนวัตกรรมในภูมิภาคนี้ยังขับเคลื่อนการเติบโตของระบบเศรษฐกิจดิจิทัลในระดับภูมิภาค ซึ่งคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องจนแตะระดับ 3 แสนล้านดอลลาร์ภายในปี 2568[1] เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากการขยายตัวดังกล่าว องค์กรธุรกิจในภูมิภาคนี้จึงหันไปใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยอย่างเช่น AI และ ML เพื่อยกระดับประสิทธิภาพในการดำเนินงานและเพิ่มความรวดเร็วในการสร้างสรรค์นวัตกรรมทางด้านธุรกิจ นอกจากนี้ องค์กรต่างๆ ยังใช้อุปกรณ์เร่งความเร็วฮาร์ดแวร์ เช่น GPU เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของเวิร์กโหลด AI/ML ซึ่งอาจต้องใช้เวลาในการรันหลายชั่วโมง ทีมงานฝ่ายไอทีขององค์กรต่างๆ เริ่มตระหนักว่าอุปกรณ์เร่งความเร็วฮาร์ดแวร์เหล่านี้ทำงานในลักษณะแยกออกจากกัน จึงไม่สามารถใช้งานร่วมกันเพื่อรองรับส่วนงานต่างๆ ขององค์กรธุรกิจ และผลลัพธ์ที่ตามมาก็คือ ทรัพยากรที่มีอยู่และทรัพยากรที่ซื้อมาใหม่ถูกใช้งานอย่างไม่เหมาะสมและไร้ประสิทธิภาพ การผสานรวมเทคโนโลยี Bitfusion และ VMware vSphere เข้าด้วยกันจะช่วยให้สามารถใช้ทรัพยากรต่างๆ ร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดค่าใช้จ่าย และจัดส่งทรัพยากรเร่งความเร็วฮาร์ดแวร์อย่างเช่น GPU ไปยังเวิร์กโหลดที่เกี่ยวข้องภายในกรอบเวลาที่เหมาะสม
กริช ปราสาท รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจแพลตฟอร์มคลาวด์ของวีเอ็มแวร์ กล่าวว่า “เรามุ่งมั่นที่จะนำเสนอคุณประโยชน์ของทรัพยากร GPU แบบเดียวกันกับกรณีของ CPU โดยเทคโนโลยีของเราจะช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถรวบรวมทรัพยากร GPU ที่แยกกระจัดกระจายเข้าด้วยกัน และนำมาใช้งานร่วมกัน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้งานทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด และประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างมาก และที่สำคัญก็คือ องค์กรจะสามารถยกระดับและเดินหน้าโครงการด้าน AI/ML ทั้งในส่วนที่เริ่มต้นใหม่และส่วนที่ค้างคาอยู่ เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวไปข้างหน้า ด้วยการใช้ทรัพยากร GPU ร่วมกันในลักษณะออนดีมานด์ระหว่างทีมงานต่างๆ โดยอาศัยแพลตฟอร์ม VMware vSphere 7”
เอกภาวิน สุขอนันต์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท วีเอ็มแวร์ กล่าวว่า “องค์กรต่างๆ ในประเทศไทยมีความคาดหวังที่สูงมากเกี่ยวกับโอกาสในการเติบโตของธุรกิจอันเนื่องมาจากการขยายตัวของระบบเศรษฐกิจดิจิทัล และหลายๆ องค์กรเริ่มหันไปใช้เทคโนโลยี AI และ ML เพื่อรองรับระบบงานอัตโนมัติ เพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินงาน และขับเคลื่อนการสร้างสรรค์นวัตกรรมทางด้านธุรกิจเพื่อกระตุ้นการเติบโต การปรับปรุงเทคโนโลยีใน VMware vSphere 7 จะทำให้องค์กรธุรกิจมีเครื่องมือที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ ช่วยให้สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้อย่างเต็มศักยภาพ เพื่อผลักดันการพัฒนาธุรกิจสู่ยุคดิจิทัลในอนาคต”
VMware vSphere 7 พร้อมเทคโนโลยี Bitfusion รองรับการรวบรวมและแชร์ GPU อย่างมีประสิทธิภาพ
แอปพลิเคชันที่ใช้เทคโนโลยี AI และ ML โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฝึกสอนระบบ Deep Learning ต้องพึ่งพาอุปกรณ์เร่งความเร็วฮาร์ดแวร์เพื่อทำการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ที่ซับซ้อน ด้วยเทคโนโลยี Bitfusion ที่ถูกบูรณาการเข้าไว้ด้วยกัน VMware vSphere 7 จะช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถรวบรวมและสร้างพูล (Pool) ของทรัพยากร GPU บนเซิร์ฟเวอร์ และใช้ทรัพยากรดังกล่าวร่วมกันภายในดาต้าเซ็นเตอร์ โดยองค์กรจะสามารถแชร์ GPU บนเครือข่ายได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสำหรับทีมงานต่างๆ ทั้งในส่วนของนักวิจัย AI, นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล และนักพัฒนา ML ซึ่งต้องใช้งานและ/หรือสร้างแอปพลิเคชัน AI/ML
VMware vSphere 7 ซึ่งเพิ่งเปิดตัวเมื่อเดือนเมษายน 2563 ได้รับการปรับเปลี่ยนสถาปัตยกรรมให้กลายเป็นโอเพ่นแพลตฟอร์มที่ใช้ Kubernetes เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่เหมือนกับระบบคลาวด์สำหรับนักพัฒนาและผู้ใช้งาน ฟีเจอร์ Bitfusion ใน VMware vSphere 7 จะใช้ประโยชน์จาก GPU สำหรับแอปพลิเคชันที่รันในเวอร์ชวลแมชชีน (Virtual Machine) หรือคอนเทนเนอร์ (Container) ทั้งนี้ Bitfusion สามารถทำงานในสภาพแวดล้อม Kubernetes เช่น VMware Tanzu Kubernetes Grid และคาดว่าจะทำงานควบคู่กันไปขณะที่ลูกค้าติดตั้งใช้งานแอปพลิเคชัน AI/ML โดยเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์โดยรวมสำหรับแอปพลิเคชันสมัยใหม่ (Modern Applications) ฟีเจอร์ Bitfusion ของ VMware vSphere จะเปิดให้ใช้งานด้วยการดาวน์โหลดเพียงครั้งเดียว โดยไม่ทำให้โครงสร้างพื้นฐานที่ใช้งานอยู่ต้องหยุดชะงัก และจะผสานรวมเข้ากับเวิร์กโฟลว์และวงจรการใช้งานที่มีอยู่ได้อย่างกลมกลืน
วีเอ็มแวร์ได้เข้าซื้อกิจการของ Bitfusion เมื่อปีที่แล้ว โดยมีแผนที่จะบูรณาการเทคโนโลยีดังกล่าวเข้ากับ VMware vSphere ทั้งนี้ Bitfusion นำเสนอแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ที่แยกทรัพยากรทางกายภาพที่เฉพาะเจาะจงออกจากเซิร์ฟเวอร์ที่เชื่อมต่ออยู่ภายในสภาพแวดล้อม โดยครอบคลุมถึงการแชร์ GPU ในโครงสร้างพื้นฐานแบบเวอร์ชวลไลซ์ ในรูปแบบของพูลทรัพยากรที่สามารถเข้าใช้งานผ่านทางเครือข่าย แทนที่จะอยู่ในรูปแบบของทรัพยากรที่แยกออกจากกันตามเซิร์ฟเวอร์ นอกจากนั้น แพลตฟอร์มดังกล่าวยังรองรับอุปกรณ์เร่งความเร็วอื่นๆ เช่น FPGA และ ASIC สำหรับการเปิดตัวในครั้งนี้ Bitfusion จะเพิ่มเติมความสามารถที่โดดเด่นเหล่านี้ นอกเหนือไปจากการสนับสนุนที่มีอยู่สำหรับ GPU ใน VMware vSphere
คำกล่าวสนับสนุน
“สิ่งที่เราพบเห็นในแผนกวิทยาศาสตร์ข้อมูลขององค์กรต่างๆ ก็คือ แอปพลิเคชันด้านปัญญาประดิษฐ์ส่วนใหญ่ถูกรันอยู่ในคอนเทนเนอร์ ดังนั้นการผนวกรวม vSphere เข้ากับ Bitfusion จะช่วยตอบสนองความต้องการในส่วนนี้ได้ดียิ่งขึ้น และความสามารถในการปรับขนาดของ vSphere ที่ใช้ Kubernetes ก็จะช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการรันแอปพลิเคชันและประมวลผลข้อมูลได้มากยิ่งขึ้น” – โยฮัน แวน อาเมอร์สฟุต ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี EUC & AI ของ ITQ Consultancy
ราคาและการวางจำหน่าย
VMware vSphere Bitfusion คาดว่าจะเปิดให้ใช้งานในช่วงไตรมาสที่ 2 ปีงบประมาณ 2564 ของวีเอ็มแวร์ โดยฟีเจอร์ใหม่นี้เป็นส่วนหนึ่งของ VMware vSphere รุ่น Enterprise Plus
ข้อมูลเพิ่มเติม
อ่านบล็อกโพสต์ “เปิดตัว vSphere Bitfusion – โครงสร้างพื้นฐานที่ยืดหยุ่นสำหรับเวิร์กโหลด AI/ML”
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ VMware vSphere 7
ติดตามวีเอ็มแวร์ทาง Twitter และ Facebook
เกี่ยวกับวีเอ็มแวร์
วีเอ็มแวร์เป็นผู้นำระดับโลกด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่มีความซับซ้อน บริการคลาวด์, เน็ตเวิร์กกิ้ง, ระบบซีเคียวริตี้และดิจิทัลเวิร์คเพลสของวีเอ็มแวร์พร้อมมอบรากฐานดิจิทัลแบบไดนามิกและมีประสิทธิภาพให้กับลูกค้าทั่วโลก ภายใต้ความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์มากมาย โดยสำนักงานใหญ่วีเอ็มแวร์ตั้งอยู่ที่เมืองพาโล อัลโต รัฐแคลิฟอร์เนีย วีเอ็มแวร์ยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นพลังสนับสนุนที่ดี จากแนวโน้มและผลกระทบการจัดการนวัตกรรมเชิงพื้นที่ในระดับโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูได้ที่ https://www.vmware.com/company.html
[1] e-Conomy SEA 2019, Google, Temasek and Bain, October 2019