นางสาวเสริมสุข สลักเพ็ชร์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ชี้แจงกรณีมีข่าวฝูงตั๊กแตนระบาดในพื้นที่ทางตอนเหนือของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) อยู่ในขณะนี้ว่า สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช กรมวิชาการเกษตร ได้ตรวจสอบแล้วพบเป็นตั๊กแตนไผ่ที่มีรายงานการระบาดอยู่ที่สปป.ลาว มาตั้งแต่ปี 2559 แล้ว ซึ่งในช่วงที่พบการระบาดของตั๊กแตนไผ่กรมวิชาการเกษตรได้ส่งนักวิจัยเข้าไปติดตามสถานการณ์การระบาดของตั๊กแตนไผ่ใน สปป.ลาวอย่างใกล้ชิด จนถึงปัจจุบันพบว่าตั๊กแตนไผ่ยังคงระบาดวนเวียนอยู่ในพื้นที่เดิมของสปป.ลาวตอนเหนือ ซึ่งมีสภาพเป็นภูขาและป่าไผ่ มีสภาพอากาศหนาวเย็น และฝูงตั๊กแตนบางส่วนระบาดเข้าไปทางตอนเหนือของเวียดนาม จึงขอยืนยันว่าเป็นตั๊กแตนคนละชนิดกับตั๊กแตนทะเลทรายที่พบการระบาดในอินเดียและแอฟริกาตามที่เป็นข่าวอยู่ในขณะนี้
ตั๊กแตนไผ่ชอบอากาศค่อนข้างเย็นและมีต้นไผ่ในธรรมชาติจำนวนมาก ในขณะที่ประเทศไทยมีสภาพอากาศร้อนชื้นไม่เหมาะสมกับการดำรงชีวิตของแมลงชนิดนี้ ดังนั้นจึงมีโอกาสน้อยมากที่จะเข้ามาระบาดในประเทศไทย นอกจากพืชกลุ่มไผ่แล้วแมลงชนิดนี้ยังเป็นศัตรูพืชที่สำคัญของพืชในตระกูลหญ้า และยังพบว่าสามารถเข้าทำลายพืชตระกูลปาล์มและพืชล้มลุกบางชนิด ดังนั้นกรมวิชาการเกษตรจึงได้ดำเนินการสำรวจและเฝ้าระวังมาอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันการเข้ามาระบาดในประเทศไทย โดยใช้กับดักเหยื่อพิษวางตามแนวชายแดนในพื้นที่ที่มีความเสี่ยง พร้อมกับตรวจกับดักทุก 3 วันและ 7 วัน ตรวจเช็คชนิดของตั๊กแตนที่ตายบริเวณกับดักโดยเปรียบเทียบกับรูปภาพตั๊กแตนไผ่ ในกรณีที่พบมีลักษณะใกล้เคียงตามภาพตัวอย่างให้เก็บตัวตั๊กแตนนำส่งที่สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืชเพื่อนำมาจำแนกชนิดว่าเป็นตั๊กแตนไผ่หรือไม่ โดยได้ดำเนินการเฝ้าระวังตามวิธีการดังกล่าวมาจนถึงปัจจุบันยังไม่พบตั๊กแตนไผ่เข้ามาระบาดในประเทศไทย
การป้องกันกำจัดตั๊กแตนไผ่ในกรณีพบในเขตประเทศไทย ให้ทำการป้องกันกำจัดโดยใช้สารฆ่าแมลงชนิดใดชนิดหนึ่ง ดังนี้ อีโทเฟนพรอกซ์ 20% EC อัตรา 40 มล./น้ำ 20 ลิตร หรือเดลทาเมทริน 3% EC อัตรา 20 มล./น้ำ 20 ลิตร หรือแลมป์ดาไซฮาโลทริน 2.5% EC อัตรา 20 มล./น้ำ 20 ลิตร การป้องกันกำจัดโดยนำมาบริโภคไม่เป็นที่นิยมเนื่องจากตั๊กแตนไผ่ลำตัวมีความแข็ง รสชาติขม และมีกลิ่นเหม็น
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ส่วนตั๊กแตนอีกชนิดหนึ่งพบระบาดอยู่ที่อินเดียและเริ่มเข้าไปในเนปาลและตอนใต้ของจีนในขณะนี้เป็น "ตั๊กแตนทะเลทราย" เป็นการระบาดต่อเนื่องมาจากทวีปแอฟริกา ก่อนระบาดเข้ามาทางประเทศแถบตะวันออกกลาง และอินเดีย เป็นตั๊กแตนที่อพยพเป็นกลุ่มใหญ่ สามารถเพิ่มจำนวนได้อย่างรวดเร็ว กินพืชได้หลายชนิดและกินได้ทุกส่วนของพืช เช่น ข้าว ข้าวโพด ข้าวฟ่าง ข้าวบาเล่ย์ อ้อย ไม้ผล และพืชผัก หากมีการระบาดจะเกิดความเสียหายรุนแรง รวดเร็วและเป็นบริเวณกว้าง โดยสถานการณ์ล่าสุด FAO รายงานว่าตั๊กแตนทะเลทรายแพร่ระบาดในรัฐราชสถานซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศอินเดีย ซึ่งได้มีการพยากรณ์ว่าตั๊กแตนที่ระบาดในภาคเหนือมีแนวโน้มระบาดในเขตภาคตะวันออกและตะวันตกของประเทศอินเดียในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมนี้ ก่อนที่จะกลับไปวางไข่ในรัฐราชสถานช่วงเริ่มเข้าฤดูมรสุม โดยการระบาดในขณะนี้เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการขยายพันธุ์
“ตั๊กแตนที่พบการระบาดอยู่ในขณะนี้ที่สปป.ลาว และอินเดียเป็นตั๊กแตนต่างชนิดกัน ยืนยันว่าจะไม่เข้ามาระบาดในประเทศไทย เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนชื้นของประเทศไม่เหมาะสมกับการตั้งรกรากและขยายเผ่าพันธุ์ของตั๊กแตนทั้ง 2 ชนิดนี้ อย่างไรก็ตาม กรมวิชาการเกษตรได้ทำแผนเชิงรุกเฝ้าระวังการระบาดของตั๊กแตนทั้ง 2 ชนิดนี้ไว้พร้อมแล้ว รวมทั้งยังคอยติดตามสถานการณ์การระบาดอยู่อย่างใกล้ชิด หากมีความความคืบหน้ากรมวิชาการเกษตรจะแจ้งให้ทราบต่อไป” อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าว