นางสาวปพิตชญา สุวรรณดี กรรมการผู้จัดการ ศูนย์การค้าเมกาบางนา เปิดเผยว่า “การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ซึ่งคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะค่อยๆ ฟื้นตัวอย่างช้าๆ และภาคธุรกิจต่างๆ จะเริ่มปรับตัวรับเทรนด์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นตามมา โดยหลังจากที่เมกาบางนาได้กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งตามนโยบายผ่อนคลายล็อก ดาวน์ของภาครัฐ เมกาบางนาได้ดำเนินการตามมาตรการด้านสุขอนามัย เน้นความสะอาด ปลอดภัย และความสะดวก ตามแบบวิถี New Normal ซึ่งได้รับความร่วมมือจากร้านค้าผู้เช่าเป็นอย่างดี และด้วยเหตุนี้จึงทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจกลับมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก สำหรับแผนการดำเนินงานในครึ่งหลังของปี 2563 เมกาบางนาได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินงานต่างๆ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า สร้างความพึงพอใจสูงสุด ตามแนวคิด “มีทติ้ง เพลส” ของคนในกรุงเทพฯ ตะวันออก ที่เป็นมากกว่าสถานที่ช็อปปิ้ง แต่เป็นสถานที่พบปะของครอบครัวและเพื่อนฝูง ที่มอบประสบการณ์แห่งเสียงหัวเราะและคืนความสุขให้กับลูกค้าทุกคน ซึ่งเมกาบางนาจะเน้น 3 กลยุทธ์หลัก คือ (1) การปรับเปลี่ยนร้านค้า และบริการที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ ของลูกค้า (2) เพิ่มที่จอดรถและปรับปรุงภูมิทัศน์ของศูนย์การค้าฯ เพื่ออำนวยความสะดวกและเสริมประสบการณ์พิเศษให้กับลูกค้า และ (3) การมอบสิทธิประโยชน์ในแคมเปญการตลาดต่างๆ ให้ลูกค้าคุ้มค่าสูงสุด ช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย”
ปรับเปลี่ยนร้านค้าผู้เช่า ตอบโจทย์เทรนด์ใหม่เอาใจลูกค้า พร้อมชูแม็กเนตใหม่ “ห้างเซ็นทรัลที่เมกาบางนา”
เมกาบางนาพร้อมต้อนรับผู้เช่าใหม่รายใหญ่ คือ ห้างเซ็นทรัล ยกระดับจากเดิมที่เป็นห้างโรบินสัน เพื่อส่งมอบประสบการณ์ช้อปปิ้งที่เหนือระดับ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ซึ่งเป็นกลุ่มคนวัยทำงานและครอบครัวคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพสูง โดยห้างเซ็นทรัล มีจำนวน 3 ชั้น รวมพื้นที่ใช้สอยกว่า 13,000 ตร.ม. มีสินค้าทั้งแบรนด์ไทย- แบรนด์อินเตอร์ (International Brand) , แบรนด์ Only@Central รวมถึงแบรนด์ใหม่ยอดนิยมกว่า 400 แบรนด์ ที่จะทยอยเข้ามามอบความพิเศษในปีนี้ รวมกว่า 1,000 แบรนด์ ซึ่งการเปิดให้บริการในวันที่ 2 กรกฎาคม 2563 นี้ ถือเป็นเพียงเฟสแรกก่อน (Minor Renovation) และจะทยอยปรับโฉมอย่างต่อเนื่องจนเสร็จสมบูรณ์อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมทั้งขยายพื้นที่สาขาร่วมกับศูนย์การค้าเมกาบางนาอีกครั้ง ในปี 2565”
“เมกาบางนามีความยินดีอย่างมาก พร้อมต้อนรับและสนับสนุนกิจกรรมของห้างเซ็นทรัลในทุกๆ ด้านอย่างเต็มที่ โดยห้างเซ็นทรัลจะเป็นหนึ่งในผู้เช่าหลักรายใหญ่ที่เป็น Magnet สำคัญของศูนย์การค้าเมกาบางนา โดยจะมาร่วมกันสร้างปรากฏการณ์ช้อปปิ้งดีดีให้กับลูกค้าของศูนย์การค้าเมกาบางนา ตอกย้ำความเป็น 'มีทติ้ง เพลส’ (Meeting Place) ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งกรุงเทพตะวันออก ร่วมเติมเต็มความสุข สนุกสนาน และยกระดับประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ครบครันครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ให้กับลูกค้าของเมกาบางนา จากข้อมูลในปี 2562 นั้น เมกาบางนามีจำนวนลูกค้าใช้บริการกว่า 50 ล้านคน และเป็นกลุ่มที่มีกำลังการซื้อสูง โดยลูกค้ากลุ่มนี้จะเป็นฐานลูกค้าที่มีศักยภาพ ช่วยต่อยอดเป้าหมายทางธุรกิจให้กับห้างเซ็นทรัลได้อย่างดี รวมไปถึงกลุ่มลูกค้าของห้างเซ็นทรัล ก็จะได้สัมผัสประสบการณ์แห่งการช้อปปิ้งใหม่ๆ บริการที่สะดวกสบาย และปลอดภัย ภายในศูนย์การค้าเมกาบางนาเช่นเดียวกัน” คุณปพิตชญา กล่าวเสริม
ทั้งนี้ ศูนย์การค้าเมกาบางนายังมีการขยายและปรับเปลี่ยนร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับเทรนด์ความต้องการอันหลากหลายเพื่อให้สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ทุกกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มครอบครัวรุ่นใหม่ที่ต้องการประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ไม่ใช่แค่ตอบโจทย์ความต้องการพื้นฐานแต่ยังต้องมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับทุกคนในครอบครัว
“การปรับเปลี่ยนร้านค้าภายในศูนย์ฯ ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญในการยึดครองใจลูกค้า (Top of Mind) เพราะการเลือกร้านค้าให้ตอบโจทย์ความต้องการและตรงใจลูกค้านับเป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จที่ทำให้เมกาบางนาครองใจลูกค้ามาจนถึงทุกวันนี้ การคัดเลือกร้านค้ามาอยู่ภายในศูนย์ฯ เป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญมากที่สุด อย่างการที่ห้างเซ็นทรัลมาเปิดให้บริการที่เราโดยจะเป็นหนึ่งในผู้เช่าหลักรายใหม่แทนที่ห้างโรบินสันเดิม เป็นเรื่องที่บ่งบอกถึงวิสัยทัศน์ของศูนย์ฯ ได้เป็นอย่างดี ในการที่จะออกแบบประสบการณ์การช้อปปิ้งร่วมกันกับผู้เช่าที่มีศักยภาพสูง ซึ่งจะทำให้ลูกค้าประทับใจและกลับมาใช้บริการที่เมกาบางนา ซึ่งจะยิ่งเป็นการส่งเสริมธุรกิจให้กันและกันระหว่างเมกาบางนาและผู้เช่า นอกจากการเปิดตัวของห้างเซ็นทรัลที่เราแล้ว เรายังเพิ่มแบรนด์สำคัญๆ เข้ามา อาทิ Dior และ YSL ซึ่งเป็นแบรนด์เครื่องสำอางที่ลูกค้าของศูนย์ฯ ตั้งตารอคอยกันมานาน และในไตรมาสที่ 3 เป็นต้นไป เมกาบางนาจะมีร้านค้าและแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาอีกมาก ซึ่งเรามั่นใจว่าจะเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าของเรา” คุณปพิตชญา กล่าวเพิ่มเติม
เพิ่มที่จอดรถและปรับปรุงภูมิทัศน์ของศูนย์การค้าฯ เสริมประสบการณ์พิเศษให้กับลูกค้า
เมกาบางนายังเดินหน้าอย่างต่อเนื่องในการก่อสร้างอาคารจอดรถจำนวน 8 ชั้นแห่งใหม่ เพิ่มที่จอดรถมากกว่า 2,000 คัน ภายใต้งบประมาณกว่า 1 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในต้นปี 2564 และทำให้ศูนย์การค้าเมกาบางนามีที่จอดรถรวมกว่า 12,000 คัน
นอกจากนี้ เมกาบางนาได้ปรับปรุงภูมิทัศน์ด้านนอกของโซนเมกา ฟู้ดวอล์ค ภายใต้คอนเซปต์ Scandinavian Playground สนามเด็กเล่นธรรมชาติขนาดใหญ่ พร้อมสายน้ำ (stream valley) และบ่อทราย (sand dune) ภายใต้บรรยากาศสวนต้นไม้อันรื่นรมย์ที่หาได้ยากในเมืองใหญ่ เพื่อให้ครอบครัวได้ใช้เวลาร่วมกัน โดยขณะนี้ดำเนินการแล้วเสร็จไปมากกว่า 50% และเปิดให้ลูกค้าได้เข้ามาพักผ่อนแล้ว จนกลายเป็นแลนด์มาร์กใหม่ของเมกาบางนา ทั้งนี้การปรับปรุงกำหนดเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนกันยายนนี้
มอบสิทธิประโยชน์ ผ่านแคมเปญการตลาด โดยร่วมมือกับพาร์ทเนอร์และผู้เช่า ช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย
เมกาบางนาวางแผนการตลาดในครึ่งหลังปี 2563 ไว้ ทั้งนี้ ยังคงดำเนินการตามมาตรการ Social Distancing อย่างเข้มข้น โดยได้เปลี่ยนแนวทางการจัดกิจกรรมการตลาดจากรูปแบบไลฟ์สไตล์ อีเวนท์ ที่ดึงคนมาร่วมงานพร้อมกันจำนวนมาก มาเป็นกิจกรรมที่เน้นส่งเสริมการขายให้กับร้านค้า กระตุ้นให้ลูกค้าจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น และกิจกรรมส่งเสริมการขายผ่านทางช่องทางต่างๆ และมอบสิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่าสูงสุดให้กับลูกค้า ช่วยกระตุ้นยอดขายให้กับร้านค้า นอกจากนี้ เมกาบางนายังเดินหน้าผนึกพันธมิตรออนไลน์เดลิเวอรี่ แพลตฟอร์มต่างๆ อาทิ LINE Man ทำแคมเปญโปรโมชั่นพิเศษต่างๆ ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าเมกาบางนาที่เริ่มคุ้นเคยกับบริการสั่งอาหาร และยังเป็นแนวทางการขยายช่องทางการขายให้กับร้านค้า ผู้เช่าในกลุ่มร้านอาหารได้อีกด้วย
“ด้วยการปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจและการตลาดที่ตอบโจทย์ลูกค้า และสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยหากสถานการณ์โควิด – 19 ของไทย ยังคงมีแนวโน้มในทิศทางที่ดีต่อเนื่อง เมกาบางนาเชื่อมั่นว่าเราจะยังคงสามารถตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าปัจจุบันและดึงดูดกลุ่มลูกค้าใหม่ให้มาใช้บริการเพิ่มเติมในปี 2563 นี้ และจะยังกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชน ช่วยให้เกิดการหมุนเวียนของเศรษฐกิจภายในประเทศ ส่งเสริมธุรกิจให้กับผู้เช่าของเราให้สามารถเติบโตไปพร้อมๆ กับเราอย่างยั่งยืนได้ต่อไป” นางสาวปพิตชญา กล่าวสรุป