แบรนด์ 'PLAYBOY’ เซต New high รุกแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายเพิ่มเติมในทวีปยุโรปและเอเชีย เดินเกมเปิดร้านค้าในเว็บไซต์อี-คอมเมิร์ชชื่อดัง amazon.com เพื่อขยายช่องทางออนไลน์ในสหรัฐฯ และรุกจำหน่ายสินค้าในเว็บไซต์ jd.com เพื่อขยายฐานลูกค้าในจีน ส่วนในไทยเตรียมขยายตลาดต่างจังหวัดผ่านร้านค้าแบบดั้งเดิมและร้านขายยา หลังขยายช่องทางจำหน่ายในโมเดิร์นเทรดและร้านสะดวกซื้อชั้นนำในช่วง 5 เดือนแรกที่ผ่านมา
นายอมร ดารารัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TNR ผู้ผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัยจากน้ำยางธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดในไทย เปิดเผยว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกในช่วงที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 อย่างไรก็ตามสำหรับผลิตภัณฑ์ถุงยางอนามัยยังคงมีความต้องการใช้สินค้าอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากถูกจัดอยู่ในผลิตภัณฑ์เครื่องมือทางการแพทย์ที่ช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และใช้ประโยชน์ในการคุมกำเนิด
ในปีนี้บริษัทฯ จึงวางเป้าหมายผลักดันยอดขายถุงยางอนามัยและผลิตภัณฑ์เจลหล่อลื่นภายใต้แบรนด์ PLAYBOY ให้ครอบคลุมในหลายภูมิภาคโดยจะรุกแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายเพิ่ม เน้นทวีปยุโรปและเอเชียที่มีศักยภาพการเติบโตที่ดี รวมถึงเพิ่มยอดขายช่องทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์อี-คอมเมิร์ชชั้นนำระดับโลกในตลาดหลัก 2 ประเทศ ได้แก่ อเมริกาและจีน
นายวรัญญู ดารารัตนโรจน์ รองผู้จัดการทั่วไป แผนกพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TNR กล่าวว่า จากแผนการขยายตลาดถุงยางอนามัยแบรนด์ PLAYBOY ล่าสุดได้แต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในทวีปยุโรปที่มีประสบการณ์จำหน่ายถุงยางอนามัยมาก่อน ซึ่งบริษัทได้ให้สิทธิ์ในการขายและทำการตลาดใน 6 ประเทศ เช่น ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ เบลเยี่ยม บัลแกเรีย ลักเซมเบิร์กและโรมาเนีย ปัจจุบันอยู่ระหว่างยื่นตรวจสอบเอกสารใบรับรองสินค้าจากภาครัฐ คาดว่าจะเริ่มมีคำสั่งซื้อในปลายปีนี้ จากเดิมที่มีคำสั่งซื้อสินค้าจากกลุ่มประเทศดังกล่าวในรูปแบบการรับจ้างผลิต (OEM) และอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในยุโรปอีก 1 ประเทศ คาดว่าจะได้ข้อสรุปไตรมาส 3 นี้
ขณะเดียวกัน การขยายตลาดในทวีปเอเชียโดยได้แต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในประเทศสิงคโปร์ และคาดว่าจะได้ข้อสรุปการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในประเทศฟิลิปปินส์เร็ว ๆ นี้ รวมถึงอยู่ระหว่างศึกษาตลาดเพื่อแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ อินโดนีเซีย สปป.ลาว กัมพูชา ฯลฯ ที่จะรุกเพิ่มยอดขายในภูมิภาคนี้
ส่วนแผนการขยายตลาดในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดหลักของแบรนด์ ในครึ่งปีหลังได้วางแผนเพิ่มยอดขายทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์อี-คอมเมิร์ชชั้นนำ amazon.com โดยจะเปิดร้านค้าภายในเว็บไซต์ในรูปแบบ Shop in Shop อย่างเป็นทางการ เพื่อจำหน่ายสินค้า ติดต่อสื่อสารและทำการตลาดกับลูกค้า รวมถึงมีแผนขยายช่องทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์อี-คอมเมิร์ชอื่น ๆ ในอเมริกาที่เน้นการขายสินค้าเฉพาะกลุ่ม ตลอดจนรุกขยายตลาดผ่านเชนร้านขายยาชั้นนำขนาดใหญ่ด้วย
ส่วนในประเทศจีน หลังจากได้เข้าไปรุกตลาดผ่านตัวแทนจำหน่ายในปีที่ผ่านมา ในช่วงครึ่งปีหลังจะมุ่งเน้นการขยายตลาดออนไลน์ โดยร่วมกับกับเอเจนซี่ที่มีความเชี่ยวชาญในการทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายในเว็บไซต์ jd.com เนื่องจากผู้บริโภคในจีนมีความคุ้นเคยกับการสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ โดยมีสัดส่วนประมาณ 40-45% ของยอดขายสินค้าทั้งหมด รวมถึงมีแผนนำสินค้าเข้าไปทำการตลาดเพิ่มขึ้นอีก 6-8 รุ่น จากปัจจุบันที่มีวางจำหน่ายประมาณ 6 รุ่น
ขณะที่ตลาดในประเทศไทย ในช่วง 5 เดือนแรกที่ผ่านมา สามารถนำสินค้าเข้าไปวางจำหน่ายในช่องทางโมเดิร์นเทรดและร้านสะดวกซื้อเพิ่มขึ้น อาทิ เทสโก้โลตัส ท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต แฟมิลี่มาร์ท ฯลฯ จากเดิมที่วางจำหน่ายในร้านสะดวก 7-11 เป็นช่องทางหลัก โดยจะขยายตลาดต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นในช่องทางร้านค้าแบบดั้งเดิมและร้านขายยา รวมถึงมีแผนทำแคมเปญการตลาดเพื่อตอกย้ำแบรนด์ถุงยางอนามัย PLAYBOY ในประเทศไทย