บลจ.กสิกรไทย ชวนกระจายลงทุน SSF ต่อเนื่องหลังขึ้นแท่นกองทุน SSFX ขนาดใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรม

พุธ ๐๘ กรกฎาคม ๒๐๒๐ ๑๖:๑๓
บลจ.กสิกรไทย แนะกระจายลงทุนผ่าน 4 กองทุน SSF เพื่อหวังทำกำไรในระยะยาว แถมรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีในปีนี้ เผยกองทุน K SUPERSTAR SSFX ขึ้นแท่นกองทุนรวมเพื่อการออมแบบพิเศษที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 1 ในอุตสาหกรรม พร้อมขอบคุณลูกค้าที่ได้ให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี ย้ำบริหารจัดการเต็มที่ให้สมดีกรีแชมป์

นายวศิน วณิชย์วรนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า หลังจากที่กองทุนเปิดเค ซูเปอร์สตาร์ เพื่อการออมพิเศษ (K-SUPSTAR-SSFX) ได้สิ้นสุดการขายในวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ถือว่าได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดีนับตั้งแต่วันที่เปิดเสนอขายครั้งแรก จนสามารถขึ้นแท่นกองทุนรวมเพื่อการออมแบบพิเศษที่มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในอุตสาหกรรม ด้วยมูลค่าทั้งสิ้น 2.13 พันล้านบาท (ข้อมูล Morningstar ณ วันที่ 30 มิ.ย. 63) อย่างไรก็ดี ตนในฐานะตัวแทนของทีมงานทุกคน ขอขอบพระคุณลูกค้าผู้ลงทุนทุกท่านที่ได้ให้ความไว้วางใจเลือกลงทุนในกองทุน SSFX จากบลจ.กสิกรไทย ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถวางใจได้ว่าเงินลงทุนจะได้รับการดูแลอย่างดีจากทีมผู้จัดการกองทุนหุ้นไทยที่มีศักยภาพสูง การันตีด้วยรางวัลบริษัทจัดการกองทุนยอดเยี่ยม ประเภทการลงทุนหุ้นไทย (Best Fund House - Domestic Equity) จาก Morningstar Awards 2020 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารจัดการกองทุนหุ้นไทย ควบคู่กับการบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม เพื่อให้ได้มาซึ่งผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ และสามารถเอาชนะตลาดในระยะยาวได้

นายวศินกล่าวต่อไปว่า สำหรับผู้ลงทุนที่พลาดโอกาสการลงทุนในกองทุน SSFX ก็สามารถมาลงทุนต่อเนื่องได้ในกองทุนรวมเพื่อการออม (Super Savings Fund: SSF) เพื่อโอกาสทำกำไรในระยะยาว พร้อมรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีในปีนี้ โดยกองทุน SSF ของบลจ.กสิกรไทย มีให้เลือก 4 นโยบายที่ครอบคลุมทุกประเภทสินทรัพย์ ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูงและเชื่อมั่นในศักยภาพของตลาดหุ้นไทย ขอแนะนำ กองทุนเปิดเค สตาร์ หุ้นทุน ชนิดเพื่อการออม (K-STAR-SSF) ซึ่งมีนโยบายการลงทุนเช่นเดียวกับกองทุน K-SUPSTAR-SSFX ที่เน้นลงทุนในหุ้นบริษัทชั้นนำของไทยที่มีศักยภาพเติบโตในระยะยาว ผ่านกลยุทธ์จับจังหวะซื้อ-ขาย (Tactical Trading) เพื่อโอกาสทำกำไรในทุกช่วง โดยกลยุทธ์ดังกล่าวเป็นกลยุทธ์ที่ใช้บริหารกองทุน K-STAR-A(R) กองทุนหุ้นไทยที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่นจนได้รับการจัดอันดับ 5 ดาวจาก Morningstar ในประเภท Overall Rating (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิ.ย. 63)

สำหรับผู้ลงทุนกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และต้องการมีส่วนช่วยให้โลกเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นผ่านการลงทุน ขอแนะนำ กองทุนเปิดเค พอสซิทีฟ เชนจ์ หุ้นทุน ชนิดเพื่อการออม (K-CHANGE-SSF) ที่เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทชั้นนำระดับโลกที่มุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงและผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน (Impact Investing) รวมถึงเป็นหุ้นที่มีอัตราการเติบโตสูง (Growth Stock) โดยกองทุนมีนโยบายการลงทุนเดียวกันกับกองทุน K-CHANGE-A(A) ซึ่งมีผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) อยู่ที่ 29.60% ถือว่าทำผลงานได้มากที่สุดเมื่อเทียบกับกองทุนอื่นภายใต้การบริหารจัดการของบลจ.กสิกรไทย (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิ.ย. 63)

นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง และยังมีความกังวลกับความผันผวนของเศรษฐกิจในช่วงนี้ ขอแนะนำ กองทุนเปิดเค โกลบอล อินคัม ชนิดเพื่อการออม (K-GINCOME-SSF) ที่เน้นกระจายลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภททั่วโลกกว่า 2,500 สินทรัพย์ โดยมีผู้เชี่ยวชาญในแต่ละประเภทสินทรัพย์ทำหน้าที่มุ่งหาโอกาสการลงทุนในสินทรัพย์ที่สร้างรายรับได้อย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งกองทุนยังมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 4 ครั้ง และสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้น้อย หรือกำลังเริ่มต้นออมเงิน ขอแนะนำ กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ พลัส ชนิดเพื่อการออม (K-FIXEDPLUS-SSF) ที่เน้นกระจายลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีระยะปานกลาง-ยาวทั้งในและต่างประเทศ ผ่านกลยุทธ์การบริหารพอร์ตแบบเชิงรุก (Active Investment Management) โดยมีการติดตามข้อมูลรายวันเพื่อตอบสนองได้ทันต่อเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลง

“ตลาดการเงินทั่วโลกยังคงมีความผันผวน โดยราคาสินทรัพย์เสี่ยงส่วนใหญ่ที่ปรับตัวขึ้นในช่วงที่ผ่านมาเคลื่อนไหวบนความคาดหวังว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวโดยเร็วและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนจะกลับมาฟื้นตัวในปีหน้า ท่ามกลางความเสี่ยงในตลาดที่ยังมีสูงโดยเฉพาะจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่ยังคงไม่สิ้นสุด และมีบางประเทศกลับมาล็อกดาวน์อีกครั้ง นอกจากนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund: IMF) ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจลงอย่างมีนัยยะ ขณะที่ราคาหุ้นในบางภูมิภาคค่อนข้างตึงตัว จึงอาจเห็นการปรับฐานของสินทรัพย์เสี่ยงเป็นระยะๆ อย่างไรก็ดี สภาพคล่องในระบบที่มีสูงจะช่วยสนับสนุนตลาดในช่วงที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงได้ โดยผู้ลงทุนยังควรต้องใช้ความระมัดระวังในการเข้าลงทุน และควรมีการกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์หลากหลายประเภทเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงจากความผันผวนให้กับพอร์ตการลงทุน” นายวศินกล่าว

นายวศินกล่าวเพิ่มเติมว่า กองทุน SSF สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 200,000 บาท โดยผู้ลงทุนต้องถือครองหน่วยลงทุนเป็นระยะเวลา 10 ปีนับจากวันที่ซื้อ นอกจากนี้ กำไรจากการขายคืนจะได้รับการยกเว้นภาษีหากผู้ลงทุนปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด ทั้งนี้ ผู้ลงทุนที่สนใจกองทุน SSF ของบลจ.กสิกรไทย สามารถเริ่มต้นลงทุนได้เพียง 500 บาท ผ่านแอป K PLUS, K-My Funds, ธนาคารกสิกรไทย และผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน โดยติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ตามช่องทางดังกล่าว หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ