นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลงานครึ่งปีแรกที่ผ่านมาว่า แม้ว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะมีผลต่อการดำเนินงานในปลายไตรมาสแรกและช่วงต้นไตรมาส 2 แต่หลังจากสถานการณ์ในประเทศมีแนวโน้มคลี่คลาย บริษัทสามารถกลับมาทำยอดขายเพิ่มขึ้นชัดเจน ทั้งจากความต้องการซื้อที่สะสมมา และกลุ่มลูกค้าที่ต้องการเปลี่ยนที่อยู่อาศัยให้มีพื้นที่มากขึ้น ส่งผลให้ครึ่งปีแรก บริษัทมียอดพรีเซลส์รวม 6,200 ล้านบาท เป็นยอดขายจากโครงการแนวราบถึง 72% หรือ 4,484 ล้านบาท สำหรับคอนโดมิเนียมครึ่งปีแรกทำยอดขายได้ 1,722 ล้านบาท เป็นโครงการคอนโดในประเทศ 1,290 ล้านบาท และคอนโดประเทศญี่ปุ่น 432 ล้านบาท
“เป้าขายรวมของบริษัทปีนี้วางไว้ที่ 14,000 ล้านบาท ดังนั้นในครึ่งปีหลัง จึงมีเป้าขายอีก 7,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% จากครึ่งปีแรก จากข้อมูลบิ๊กดาต้าของบริษัท เราพบว่าดีมานด์ในการซื้อที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะโครงการแนวราบยังมีแนวโน้มขยายตัว ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมต่อเนื่องจนถึงต้นเดือนกรกฏาคมนี้ มีจำนวนการค้นหาข้อมูลด้านที่อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น โดยอัตราผู้ค้นหาข้อมูลโครงการบ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้นถึง 42% ขณะที่มีผู้ค้นหาข้อมูลโครงการคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของ 3 ปีที่ผ่านมาในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งคาดว่าตลาดโดยรวมในครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก และบริษัทจะสามารถสร้างยอดขายได้เพิ่มขึ้นทั้งจากโครงการในประเทศและต่างประเทศ”
บริษัทยังเดินหน้าพัฒนาโครงการให้มีความโดดเด่นมากขึ้น โดยมีการลงทุนก่อสร้าง “มาสเตอร์คลับ” คลับเฮ้าส์ใหม่รวม 8 แห่ง ในทำเลแจ้งวัฒนะ, รัตนาธิเบศร์, รามอินทรา-วงแหวน, รามคำแหง-สุวรรณภูมิ, ราชพฤกษ์-ปทุม, บางนา และ พระราม 5-กาญจนาภิเษก ซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ด้วยงบลงทุนรวม 700 ล้านบาท พื้นที่รวม 9,480 ตารางเมตร รองรับสมาชิกในโครงการได้รวมกว่า 4,000 ครอบครัว โดยเป็นคลับเฮ้าส์ในสไตล์ที่หลากหลายไม่เหมือนกัน มีพื้นที่เพื่อการพักผ่อนออกกำลังกายครบครันทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส พร้อมเครื่องออกกำลังกายรุ่นใหม่ แอโรบิค โยคะ พร้อมคลาสต่างๆ สตรีม ซาวน่า เป็นต้น ซึ่งประเมินว่าหลังสถานการณ์ไวรัสระบาด คนส่วนใหญ่จะหันมาออกกำลังกายในคลับเฮ้าส์ภายในโครงการกันมากขึ้น จึงลงทุนพัฒนาคลับเฮ้าส์ให้เป็นศูนย์กลางการออกกำลังกายและสันทนาการอย่างครบวงจร กำหนดแล้วเสร็จเปิดให้บริการพร้อมกันทั้ง 8 แห่ง ในวันที่ 8 เดือน 8 นี้
ด้านธุรกิจโรงแรม ทั้งในกรุงเทพ ต่างจังหวัด และประเทศญี่ปุ่น ขณะนี้สามารถกลับมาเปิดดำเนินการได้ตามปกติ และมีบรรยากาศคึกคัก ซึ่งมาตรการของภาครัฐที่ออกมาสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศ คาดว่าจะหนุนให้อัตราการเข้าพักเฉลี่ยในครึ่งปีหลัง อยู่ในระดับที่เกินกว่า 50% กลุ่มบริษัทยังมีการร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจ จัดทำชุดบัตรกำนัลเพิ่มมูลค่า โดยบัตรกำนัลราคา 6,000 บาท สามารถแลกใช้ได้ในมูลค่า 10,000 บาท ใช้ได้ทั้งห้องพัก ห้องอาหาร และบริการสปา ในโรงแรมรีสอร์ทรวม 6 แห่ง คาดว่าจะช่วยเพิ่มยอดนักท่องเที่ยวในประเทศ โดยลูกค้าที่ซื้อบ้านและคอนโดของบริษัทภายในเดือนนี้ ก็จะได้รับชุดบัตรกำนัลดังกล่าวด้วย
สำหรับ คิโรโระ รีสอร์ท ในประเทศญี่ปุ่น ครึ่งปีหลังมีแนวโน้มดีขึ้นเช่นเดียวกัน เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศญี่ปุ่นค่อนข้างเป็นบวก อีกทั้งทางการจังหวัดฮอกไกโดได้มีมาตรการออกมากระตุ้นการท่องเที่ยวเริ่มตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม ส่งผลให้การท่องเที่ยวกลับมาคึกคัก และคิโรโระมียอดจองเพิ่มขึ้น เนื่องจากกลุ่มลูกค้าคิโรโระกว่า 50% เป็นชาวญี่ปุ่นเป็นหลัก นอกจากนี้ ในช่วงปลายเดือนกรกฏาคมรัฐบาลญี่ปุ่นยังจะประกาศมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ คาดว่าจะทำให้การเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยคิโรโระยังมีแพ็คเกจพักผ่อนที่เน้นจุดขายในฤดูร้อน คือ พื้นที่ธรรมชาติกว้างใหญ่ อากาศสะอาด เดินทางสะดวก และแวดล้อมด้วยอาหารอร่อย รวมไปถึงกิจกรรมครอบครัว ในส่วนของโครงการคอนโดมิเนียม ยู คิโรโระ หลังสถานการณ์คลี่คลาย ก็สามารถทำยอดขายต่อเนื่อง โดยรวมยอดขายคืบหน้าไปแล้วกว่า 80% ได้รับการตอบรับที่ดีจากทั้งนักลงทุนและแขกที่เข้าพัก โดยเตรียมความพร้อมในการเปิดช่วงฤดูหนาวซึ่งเป็นไฮซีซั่น