ระบบสแกนคนเข้าออกโรงเรียนอัจฉริยะ “CUD Thermal Scan” เป็นระบบการดูแลรักษาความปลอดภัยด้วยการสแกนใบหน้าและสแกนอุณหภูมิร่างกายของทุกคนที่เข้ามาในโรงเรียน ได้แก่ นักเรียน ผู้ปกครองที่มารับนักเรียนกลับบ้าน รวมถึงคณาจารย์และบุคลากร นวัตกรรมนี้ได้รับความอนุเคราะห์จากสมาคมผู้ปกครองและครู โรงเรียนสาธิตจุฬาฯ ซึ่งปัจจุบันมี คุณกิตติ อภิชนบัญชา เป็นนายกสมาคมฯ ซึ่งได้นำมาติดตั้งที่โรงเรียนสาธิตจุฬาฯ ฝ่ายประถมจำนวน 12 เครื่อง
คุณสมบัติของเครื่องสแกนใบหน้า ใช้เวลาในการประมวลผลอย่างรวดเร็ว เครื่องสแกนจะวัดอุณหภูมิร่างกายเฉพาะขาเข้า ในการสแกนใบหน้า ระบบจะวัดองศาของตา จมูกและคิ้ว เป็นหลักในการให้ผ่านเข้าไปในโรงเรียน หากอุณหภูมิสูงกว่าที่โรงเรียนกำหนด (37.5 องศาเซลเซียส) หรือไม่สวมหน้ากากอนามัย ประตูกั้นจะไม่เปิดให้เข้าหรือออกจากโรงเรียน เครื่องสแกนใบหน้าได้ผ่านการทดสอบแล้วว่าจะสแกนเฉพาะใบหน้าจริงเท่านั้น ผู้ที่นำภาพถ่ายหรือภาพเคลื่อนไหวมาสแกนที่เครื่อง จะไม่สามารถปลดล็อกระบบประตูกั้นอัตโนมัติได้ รวมถึงการแยกใบหน้านักเรียนที่เป็นแฝดได้ด้วย โดยขาเข้าโรงเรียน นักเรียนจะยืนห่างจากเครื่องสแกน 30 – 50 เซนติเมตร เพื่อให้ประชิดหน้าจอเนื่องจากจะต้องสแกนอุณหภูมิร่างกาย ส่วนขาออกอยู่ที่ประมาณ 3 – 5 เมตร เมื่อผ่านการสแกนแล้ว ประตูจะค่อยๆ เปิดและปิด เพื่อความปลอดภัยของนักเรียนผู้ใช้งาน
ขั้นตอนการสแกนคนเข้าออกโรงเรียนด้วย “CUD Thermal Scan” กรณีนักเรียนกลับบ้าน ได้เอง นักเรียนสามารถสแกนใบหน้าแล้วเดินออกจากโรงเรียนได้ตามปกติ กรณีผู้ปกครองรับนักเรียนกลับบ้าน นักเรียนและผู้ปกครองที่มีข้อมูลอยู่ในระบบจะต้องมาที่เครื่องสแกนใบหน้าพร้อมกัน เริ่มจากให้นักเรียนสแกนใบหน้า ตามด้วยผู้ปกครองเพื่อให้ประตูเปิดออก นักเรียนจึงจะสามารถออกนอกโรงเรียนได้ ส่วนผู้ปกครองถ้าจะออกนอกโรงเรียนด้วยก็จะต้องสแกนใบหน้าอีกครั้ง ไม่สามารถออกพร้อมกันสองคนได้ สำหรับบุคคลภายนอกที่จะเข้ามาติดต่องานในโรงเรียน จะต้องผ่านการลงทะเบียนในระบบล่วงหน้า ซึ่งระบบลงทะเบียนนี้สามารถใช้งานผ่านสัญญาณเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และต้องแนบภาพใบหน้าของตนเองแบบถ่ายสด และกรอกข้อมูลต่างๆ ให้ครบถ้วน เมื่อผ่านการอนุมัติของโรงเรียนว่าไม่เป็นบุคคลอันตราย จึงจะสามารถสแกนใบหน้าเพื่อเข้ามาภายในโรงเรียนได้
“เครื่อง Thermal Scan ที่เราใช้แตกต่างจากทั่วไปที่วัดอุณหภูมิได้อย่างเดียว การปิดเปิดประตู อาจจะต้องใช้คีย์การ์ดเปิดอีกที แต่ของเราเป็นระบบไร้การสัมผัส (touchless) ซึ่งสามารถแสดงชื่อและข้อมูลของคนที่เข้า-ออก และบันทึกเก็บไว้ในฐานข้อมูลของโรงเรียน หากไม่มีอยู่ในฐานข้อมูล เครื่อง Thermal Scan ก็จะไม่อนุญาตให้เข้า เป็นการคัดกรองคนที่จะเข้ามาในโรงเรียนแบบ 100% เราถือเป็นโรงเรียนแรกในประเทศที่นำเทคโนโลยีนี้มาใช้ ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยในเรื่องของการสแกนเพื่อป้องกันโคโรน่าไวรัสเท่านั้น แต่ยังช่วยรักษาความปลอดภัยให้กับนักเรียนและบุคลากรได้ด้วย” คุณกิตติ กล่าว
ผศ.ทินกร บัวพูล ผู้อำนวยการโรงเรียนสาธิตจุฬาฯ ฝ่ายประถม เปิดเผยว่านวัตกรรม “CUD Thermal Scan” ระบบสแกนคนเข้าออกโรงเรียนอัจฉริยะ เป็นหนึ่งในมาตรการของโรงเรียนสาธิตจุฬาฯ เพื่อความปลอดภัยของนักเรียนจากสถานการณ์โควิด-19 นอกจากนี้ทางโรงเรียนยังมีมาตรการอื่นๆ อาทิ จำกัดจำนวนผู้ปกครองเข้ามารับ – ส่ง นักเรียนภายในโรงเรียน นักเรียน 1 คน / ผู้ปกครอง 1 ท่าน ทุกคนที่เข้ามาในโรงเรียนต้องสวมหน้ากากอนามัย ให้บุคลากรสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ปฏิบัติงานและล้างมือบ่อยครั้ง ทำความสะอาดจุดสัมผัสสาธารณะด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ ติดตามและรายงานสาเหตุการลาหยุดของนักเรียนรายวัน สังเกตอาการป่วยของนักเรียนขณะอยู่โรงเรียน ถ้ามีอาการจะให้ผู้ปกครองมารับทันที จัดระยะห่างการปฏิสัมพันธ์ กำหนดให้ห้องเรียนมีการจัดโต๊ะนั่งแบบรักษาระยะห่างระหว่างบุคคลอย่างน้อย 1 เมตร โดยคำนวณพื้นที่ภายในห้องเรียนต่อจำนวนนักเรียน เน้นให้จัดการเรียนการสอนภายในห้องเรียน เป็นต้น
“โรงเรียนสาธิตจุฬาฯ ฝ่ายประถม มีแผนมาตรการคัดกรองเพื่อป้องกันสำหรับนักเรียน เราได้รับความร่วมมือจากสมาคมผู้ปกครองฯ และบริษัทเอกชนในการเสริมมาตรการของเรา โดยได้นำเทคโนโลยีเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิผสมผสานกับเครื่องตรวจวัดใบหน้า AI อัจฉริยะ สำหรับนักเรียน ผู้ปกครอง หรือผู้ที่ลงทะเบียนเข้าออกภายในโรงเรียนเพื่อทำเป็นสถิติด้านสุขภาพและความปลอดภัยขั้นสูง โดยเราเริ่มไปทีละขั้นและทดลองกับนักเรียนเพื่อพัฒนาศักยภาพของเครื่องให้รับรองความต้องการในแต่ละด้าน มีการปรับพัฒนาระบบทางกายภาพให้รับรองสรีระของเด็กแต่ละวัย โดยสามารถใช้ได้จริงและมีประสิทธิภาพ” ผศ.ทินกร กล่าว
ทั้งนี้ ทางโรงเรียนมีความห่วงใยในเรื่องของความเครียดและผลกระทบทางด้านสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นกับเด็กๆ ซึ่งต้องปฏิบัติตนตามมาตรการการป้องกันฯ และต้องสวมหน้ากากอนามัยอยู่ตลอดเวลา จึงได้คิดริเริ่มจัดกิจกรรมเพื่อช่วยผ่อนคลายความเครียดที่เรียกว่า “กิจกรรมดอกไม้บาน” สำหรับนักเรียน ทุกระดับชั้น ช่วงเปลี่ยนคาบเรียน ครั้งละประมาณ 5 นาที เพื่อให้เด็กๆ ได้ถอดหน้ากากอนามัยเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ และยืดเส้นยืดสายในพื้นที่เปิด มีอากาศถ่ายเท โดยยังคงรักษาระยะห่างในการปฏิสัมพันธ์เช่นเดิม ซึ่งได้รับการตอบรับจากนักเรียนเป็นอย่างดี