นายสิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY ผู้นำการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานความมั่นคงปลอดภัย ทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารระดับประเทศ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการเข้าลงทุนในบริษัท เอสเอแอล กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด (SAL) ในสัดส่วน 46.80% มูลค่ารวม 212,116,284 บาท โดยเป็นการซื้อหุ้นจากบริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) ในสัดส่วน 33.20% มูลค่า 157,716,284 บาท และซื้อจากบริษัท มายบ็อกส์ จำกัด ในสัดส่วน 13.60% มูลค่า 54,400,000 บาท โดยเงินลงทุนมาจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท
สำหรับ SAL เป็นบริษัทที่ถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ซึ่งถือหุ้นสัดส่วน 51% ในบริษัท บริการภาคพื้น ท่าอากาศยานไทย จำกัด (AOTGA) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง SAL กับบริษัท ท่ากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับประกอบกิจการให้บริการภาคพื้นอากาศยาน และผู้โดยสาร ณ ท่าอากาศยานที่อยู่ในความรับผิดชอบของ AOT
“การเข้าซื้อหุ้น SAL ครั้งนี้เพื่อเป็นการต่อยอดธุรกิจในอุตสาหกรรมการบินที่ในปัจจุบันบริษัทมีฐานการให้บริการงานด้านวิศวกรรม งานระบบกล้องวงจรปิด งานระบบออกตั๋วโดยสารเครื่องบิน งานให้บริการ Wifi และงานบริการจัดเก็บรถเข็นกระเป๋า ทั้งในสนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต หาดใหญ่ อยู่แล้ว และพร้อมที่จะขยายธุรกิจไปยังการให้บริการภาคพื้นในสนามบินอย่างครบวงจร”นายสิทธิเดช กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) กล่าวต่อว่า ปัจจุบันบริษัทยังได้เข้าร่วมเป็น Strategic Partnership ของสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ หรือ IATA (International Air Transport Association) ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ดำเนินงานโดยภาคเอกชนระดับโลกที่มุ่งเน้นเรื่องการส่งเสริมความปลอดภัยทางด้านการขนส่งทางอากาศและกำหนดมาตราฐานการบริการทางด้านการขนส่งทางอากาศ
สำหรับการเข้าเป็นหนึ่งใน Strategic Partnership ของ IATA ในครั้งนี้เพื่อเป็นการขยายโอกาสการให้บริการเกี่ยวกับกิจการการบิน การบริการภาคพื้นดิน แก่บริษัทและสายการบินในท่าอากาศยาน รวมถึงบริการอื่น ๆ ในธุรกิจการบิน เนื่องจากบริษัทเล็งเห็นการเติบโตของอุตสาหกรรมการบิน และการท่องเที่ยว อันสืบเนื่องมาจากการที่ประเทศไทย เป็นประเทศที่ให้การสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวที่มีอัตราการเพิ่มของนักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนับเป็นโอกาสการเติบโต ต่อยอดทางธุรกิจของบริษัทที่สำคัญอีกครั้ง แม้ปัจจุบันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ก็ตามแต่ในระยะยาวยังถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ โดดเด่น สามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศเป็นจำนวนมาก
“การเข้าร่วมเป็นสมาชิกของ IATA เป็นโอกาสที่ดีที่บริษัทฯ จะสามารถขยายโครงข่ายความสัมพันธ์แลกเปลี่ยนความรู้กับผู้นำขององค์กรและหน่วยงานในระดับสากลที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการบิน การนำข้อมูลมาช่วยในการพัฒนาโครงการต่างๆ ที่ดำเนินงานอยู่ เช่น โครงการ AOT Digital Platform ที่บริษัทเป็นผู้พัฒนา Mobile Application – AOT Airports Application และโครงการให้บริการระบบผู้โดยสารขึ้นเครื่อง (Common Use Passenger Processing System : CUPPS) ให้กับบริษัท การท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) รวมไปถึงสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ช่วยตอบโจทย์ลูกค้าและอำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสาร และธุรกิจการบินได้มากยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายจะเป็นศูนย์รวมการให้บริการในธุรกิจการบินกับทุกภาคส่วนอย่างครบวงจร” นายสิทธิเดช กล่าว