“W” เผยมั่นใจธุรกิจ “Domino’s Pizza” แม้ IFA จะ Say “No” คาดกระแสเงินสดจากการดำเนินงานธุรกิจพิซซ่าเป็นบวกในปี 2565

พฤหัส ๑๖ กรกฎาคม ๒๐๒๐ ๐๙:๐๖
นายศิรัตน์ รัตนไพฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน (CFO) และตัวแทนฝ่ายบริหารของ บริษัท วาว แฟคเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “W” เผยถึงกรณีที่ปรึกษาการเงินอิสระ (IFA) ให้ความเห็นว่าผู้ถือหุ้นไม่ควรอนุมัติการทำรายการซื้อธุรกิจ “Domino’s Pizza” ว่า “เราไม่ได้กังวลใจ เนื่องจากสิ่งที่ IFA มองส่วนใหญ่ก็สอดคล้องกับมุมมองของเราต่อธุรกิจนี้ ทั้งเรื่องประโยชน์จากการเข้าลงทุน ความเสี่ยงของธุรกิจ ซึ่ง IFA ก็มองว่าเป็นความเสี่ยงตามปกติของธุรกิจนี้และเรามีแผนรับมือความเสี่ยงไว้แล้ว ส่วนประเด็นที่ IFA เห็นต่างนั้น เรามองว่าเป็นการมองธุรกิจในมุมที่ต่างกัน เช่น ประเด็นเรื่องค่าตอบแทนการซื้อธุรกิจที่ IFA มองว่าสูงกว่ามูลค่าธุรกิจที่ IFA ได้ประเมิน เรื่องนี้เราต้องบอกว่าสมมติฐานเกือบทั้งหมดที่ IFA ใช้ประเมินมูลค่ากิจการแทบจะไม่ต่างกับที่เราใช้ จุดที่ต่างมีแค่เรื่องการเติบโตของจำนวนบิลต่อสัปดาห์ต่อสาขา (AWO) ที่ IFA มองการเติบโต อิงตามการเติบโตของยอดขายของแต่ละสาขาที่ 5.5% ต่อปี แต่เรามองการเติบโตที่ 15% ต่อปี ในปี 2565 – 2566 และเติบโตประมาณ 4.6% ต่อปี ในปีที่เหลือ ซึ่งเราต้องบอกว่าที่เรามองแบบนี้เพราะเรามองเห็นจุดแข็งของแบรนด์ และจุดที่สามารถปรับปรุงเพื่อเสริมความแข็งแกร่งได้อีก และมั่นใจว่าเราทำได้ทันทีในปีแรกที่เข้าลงทุน โดยเฟสแรกคือการปรับปรุงรูปแบบ Website ให้สะดวกและง่ายต่อการสั่งซื้อสินค้ามากขึ้น รวมถึงการพัฒนาความระบบขนส่งสินค้าและ Call Center ให้มีมาตรฐาน การนำระบบเทคโนโลยีมาใช้เพิ่มความรวดเร็วในการให้บริการ และที่สำคัญที่สุดคือการปรับปรุงมาตรฐานของแป้งและหน้าพิซซ่าให้คงที่ ซึ่งไม่ว่าลูกค้าจะสั่งจากสาขาไหนหรือด้วยวิธีการไหนความอร่อยและมาตรฐานของสินค้าต้องเท่ากัน และเราก็มีแผนจะออกพิซซ่าหน้าใหม่ๆ ที่ถูกปากคนไทย และเหมาะสมกับแต่ละเทศกาลอีกด้วย ซึ่งถ้าเราทำได้ตามแผนที่พูดมา การเพิ่มยอดขายอย่างก้าวกระโดดในปี 2565-2566 ก็มั่นใจว่าเป็นไปได้”

นายศิรัตน์ ได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่าการลงทุนครั้งนี้ W ได้ใช้เวลาศึกษามาแรมปีจนมั่นใจว่าจะเป็นดีลที่นำไปสู่มิติใหม่ของธุรกิจอาหารของ W ได้ “แม้ว่าการซื้อธุรกิจในครั้งนี้จะใช้เม็ดเงินในการซื้อธุรกิจประมาณ 426 ล้านบาท แต่เราก็ได้ชั่งน้ำหนักแล้วว่าการลงทุนนี้เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เนื่องจากการได้มาซึ่งสิทธิในแฟรนไชส์ระดับโลกเช่นนี้แทบจะไม่ได้มีให้เห็นในประเทศไทยในรอบหลายปีที่ผ่านมา และ “Domino’s Pizza” ก็เป็นแบรนด์ที่ใหญ่มาก ถ้าจะพูดให้เห็นภาพคือถ้าเทียบจำนวนสาขาแฟรนไชส์เฉพาะนอกสหรัฐอเมริกา ของ Starbucks และ Domino’s Pizza พบว่ามีไซส์ที่ใกล้เคียงกัน ดังนั้น ดีลนี้อาจเป็น “Once in a life time” ของเราเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้การซื้อธุรกิจในครั้งนี้เราจะได้ ร้านพิซซ่าที่พร้อมบริหารได้เลยทันที 27 สาขา พร้อมทั้งครัวกลาง รวมถึงได้รับการสนับสนุนจาก DPI ทั้งเรื่อง Know how การพัฒนาธุรกิจ รวมถึงระบบ IT และ Call Center ที่เป็นมาตรฐานเดียวกันกับร้าน “Domino’s Pizza” ทั่วโลก เราจึงมั่นใจว่าการจะเดินไปสู่ความสำเร็จของเราเป็นไปได้สูง เช่นเดียวกับผู้รับสิทธิในการทำธุรกิจนี้จาก DPI ในหลายๆ ประเทศที่สามารถสร้างธุรกิจจนมีมูลค่าเป็นหมื่นล้านได้”

ส่วนประเด็นเรื่องเงื่อนไขการซื้อขายกิจการที่ W ทำกับผู้ขายไม่เป็นธรรมนั้น นายศิรัตน์เผยว่า เงื่อนไขดังกล่าวได้ผ่านการเจรจามาอย่างยาวนานและบริษัทได้ใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดในการเจรจาจนได้มาซึ่งเงื่อนไขตามที่ได้เปิดเผยต่อผู้ถือหุ้นแล้ว และเป็นเงื่อนไขสุดท้ายที่ผู้ขายจะยินยอมสำหรับการขายธุรกิจครั้งนี้ มากไปกว่านั้น W ก็ไม่ใช่เจ้าเดียวที่สนใจซื้อธุรกิจนี้จากผู้ขายอีกด้วย

สำหรับประเด็นที่ว่ากิจการจะมีผลการดำเนินงานที่ขาดทุนในช่วงแรกของการลงทุนและจะเริ่มเห็นกำไรจากการดำเนินงาน (EBIT) หลังปีที่ 5 ของการเข้าลงทุน นั้น นายศิรัตน์ได้กล่าวว่า “เราทราบดีในเรื่องผลขาดทุนในระยะแรกของการลงทุน และเรามีการเตรียมความพร้อมทั้งในเรื่องเม็ดเงินที่ต้องใช้ และแผนพัฒนาธุรกิจเพื่อรองรับผลขาดทุนและพลิกฟื้นกิจการให้มีผลกำไรโดยเร็ว โดยจากการคาดการณ์ของเรา ถ้าพิจารณาในมุมกระแสเงินสด (EBITDA) จะพบว่า EBITDA ของกิจการจะเริ่มเป็นบวกในปี 2565 หรือใช้เวลาเพียง 3 ปี หลังการเข้าลงทุนเท่านั้น”

นายศิรัตน์ได้ปิดท้ายถึงความมั่นใจว่า W ได้เดินมาถูกทางในธุรกิจอาหาร โดยแม้ว่าช่วงปัจจุบันที่หลายๆ คนมองว่าเป็นช่วงซบเซาของแทบทุกธุรกิจเนื่องจากผลกระทบจากโรคโควิด 19 แต่ปรากฎว่าในเดือนที่ผ่านมาร้านอาหารแทบทุกร้านของกลุ่ม W กลับมีผลประกอบการที่ดี และหลายๆ ร้านมีผลประกอบการที่ดีกว่าที่เคยทำได้ก่อนช่วงที่โรคโควิด 19 ระบาดด้วยซ้ำไป ซึ่งเป็นผลจากการปรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจในช่วงที่ผ่านมาและมีแผนที่จะดำเนินการต่อไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งการกระจายสาขาและช่องทางจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าให้มากขึ้นของ Bake Cheese Tart, Zaku Zaku และ Rapl การจัดโปรโมชั่นและพัฒนาเมนูให้ตอบโจทก์ลูกค้ามากยิ่งขึ้นของ Kagonoya และการรักษามาตรฐานการให้บริการที่ดีเยี่ยมของ Le Boeuf, Creps & Co สำหรับการก้าวเข้าสู่ธุรกิจ“Domino’s Pizza” จะเป็นการเสริมทัพความแข็งแกร่งของธุรกิจอาหารของกลุ่ม W อีกด้วย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๕ พ.ย. ดิ เอราวัณ กรุ๊ป เปิดตัว HOP NextGen ชวนนักศึกษาเยี่ยมชม ฮ็อป อินน์ เรียนรู้เทคนิคบริการแบบ Consistency is Yours พร้อมพัฒนาบุคลากรรุ่นใหม่
๑๕ พ.ย. คิง เพาเวอร์ ต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปี เปิดแคมเปญ THE POWER OF FUNTASTIC CELEBRATION 2025 ฉลองทุกความสุข สนุกไม่รู้จบ
๑๕ พ.ย. พันธุ์ไทย ชวนแฟนด้อม คัลแลนและพี่จอง จุ่ม การ์ดพันธุ์ไทยใจฟู ลิมิเต็ด อิดิชั่น
๑๕ พ.ย. BAM ทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่ DIGITAL ENTERPRISE ตอกย้ำผู้นำ AMC ยุค 4.0 วางเป้าหมายยกระดับองค์กรสร้างโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน เตรียมส่ง อิสระ เดอะซีรีส์ ชวนลูกหนี้ BAM
๑๕ พ.ย. บางจากฯ ได้รับการประเมินด้านความยั่งยืนอันดับสูงสุดของโลก จาก SP Global 2024 ในกลุ่มอุตสาหกรรม Oil Gas Refinery and
๑๔ พ.ย. ซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล ออกบูธให้ความรู้เรื่องการใช้งานระบบดับเพลิงนร. พระหฤทัยนนทบุรี
๑๒ พ.ย. พนักงานซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล รับรางวัลเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานดีเด่น
๑๕ พ.ย. PROSPECT REIT ชูไตรมาส 3/67 โตเกินเป้า อัตราการเช่าพุ่งนิวไฮ หนุนจ่ายปันผลเด่น 0.2160 บาท
๑๕ พ.ย. CHAO ประกาศงบ Q3/67 กำไรพุ่งกว่า 62% รับตลาดส่งออกพีค จีนโตเด่น แย้ม Q4 เดินหน้าบุกตลาดในประเทศ สินค้าใหม่หนุนยอดขายปลายปี
๑๕ พ.ย. ฉลองเทศกาลลอยกระทงประจำปี 2567 ณ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ