"การปรับเพิ่มขึ้นในช่วงสั้นๆ หลังจากหลายกิจการเริ่มกลับมาดำเนินการ ประกอบกับโรงเรียนเปิดภาคเรียน แต่เกษตรกรยังคงราคา 78-79 บาทต่อกิโลกรัม เพื่อให้เกษตรกรพออยู่ได้ โดยเพิ่งจะขายได้ราคานี้ หลังจากแบกรับภาระขาดทุนสะสมมาถึง 3 ปี จากภาวะหมูล้นตลาดและราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่สูงขึ้น เกษตรกรยืนราคานี้ไว้ไม่กระทบกับการใช้จ่ายของผู้บริโภคจนเกินไป ยืนยันว่าปริมาณหมูมีเพียงพอกับการบริโภคในประเทศ ผู้บริโภคไม่ต้องกังวล การปรับราคานี้สะท้อนกลไกตลาดที่แท้จริง นับว่าเป็นราคาที่เหมาะสม นอกจากนี้ สมาคมฯได้ผนึกกำลังกับสมาชิก จัดกิจกรรมจำหน่ายหมูสดลดค่าครองชีพประชาชนทั่วไทย ส่งตรงจากฟาร์มถึงมือผู้บริโภคไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง นำร่องที่จังหวัดชลบุรีก่อนเป็นที่แรก ในวันที่ 21 กรกฎาคม และขายพร้อมกันทุกภูมิภาค วันที่ 7 สิงหาคม" นายสุรชัยกล่าว
นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมามีความวิตกกังวลเรื่องโรค ASF ในสุกร ที่ระบาดในหลายประเทศ เกษตรกรทุกคนต่างเข้าเลี้ยงสุกรอย่างระมัดระวัง พบว่าสุกรในระบบของไทยหายไปกว่า 20% จากเดิมในปี 2562 ไทยที่มีสุกรในระบบประมาณ 20,000,000 ตัว ที่สำคัญเกษตรกรต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้น จากการเฝ้าระวังและป้องกัน ASF อย่างเข้มงวด ทำให้เกษตรกรมีค่าใช้จ่ายเพิ่มถึงตัวละ 100 บาท แต่ทุกคนยินดีดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้โรคนี้มาทำลายอุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกร และเกษตรกรผู้เพาะปลูกในห่วงโซ่การผลิต ทั้งยังเป็นการปกป้องผู้บริโภคไม่ให้ต้องได้รับความเดือดร้อนเหมือนกับประเทศอื่นในภูมิภาค