โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหารายได้เพื่อเข้ามาทดแทนส่วนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของไวรัส โควิด-19 ซึ่ง ทีโอที มีนโยบายและเป้าหมายการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง 2563 ที่ต้องเร่งดำเนินการอยู่ 3 ด้าน ที่สำคัญ ดังนี้
1) การสร้างรายได้จากบริการต่างๆ ทั้งบริการ TOT fixed line, TOT Mobile, TOT Fiber 2U และการเพิ่มรายได้จากทรัพย์สินขององค์กรที่มีอยู่ เช่น โครงการท่อร้อยสายใต้ดิน ที่จะเป็นธุรกิจสำคัญในการสร้างรายได้ให้กับองค์กรอย่างมั่นคงในอนาคต โครงการเน็ตประชารัฐ โดย ทีโอที ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่บำรุงรักษาโครงข่ายและอุปกรณ์ ซึ่งเป็นอีกแหล่งรายได้ของ ทีโอที ในขณะเดียวกัน ทีโอที ก็ยังจำเป็นต้องลดค่าใช้จ่ายการดำเนินงานลง 15 % เพื่อสร้างเสถียรภาพทางการเงิน รวมถึงเรื่องการลดและยุติคดีและข้อพิพาทกับหน่วยงานอื่น และการเจรจากับคู่กรณีในประเด็นความขัดแย้ง เพื่อนำมาสู่ความร่วมมือทางธุรกิจในภายภาคหน้า
2) การพัฒนา ทีโอที โดย ทีโอที จะก้าวเดินไปข้างหน้าได้ด้วยความสามัคคีร่วมกันของทุกส่วน ทุกฝ่าย ทุกสายงาน เพื่อมุ่งมั่นทำงานเป็นทีม รวมทั้งความร่วมมือและการเข้าใจในบทบาทหน้าที่ ที่ต้องทำงานสอดคล้องและประสานกันของ แต่ละสายงานและหน่วยธุรกิจ นอกจากนั้นยังมีการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานด้านดิจิทัล ที่นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมรูปแบบใหม่ๆ ด้านดิจิทัล มาใช้ในการพัฒนาระบบการทำงานขององค์กร เพื่อให้ทุกคนพร้อมที่สุดสำหรับการควบรวม บริษัท ทีโอที และ กสท โทรคมนาคม เป็น NT หรือ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ ซึ่งคาดว่าจะเป็นต้นปี 2564
3) ด้านการพัฒนาบริการ เพื่อตอบสนองความต้องการใช้งานเทคโนโลยีในชีวิตประจำวันทุก ๆ ด้าน ทีโอที ยังคงต้องพัฒนาและเพิ่มการให้บริการ มีการลงทุนและพัฒนาเทคโนโลยีในแผนงานและบริการสมัยใหม่ในแต่ละด้าน เช่น Fixed Wireless broadband, บริการด้าน Digital ID/Heath Information การสร้าง Platform และ Content ในรูปแบบต่างๆ (Exchange (HIE) Platform) หรือแม้แต่การร่วมลงทุนกับ Partner ร่วมให้บริการธุรกิจดาวเทียมวงโคจรต่ำที่จะร่วมกันศึกษาวิจัย ทดลอง พัฒนา เพิ่มช่องทางการสื่อสารของประเทศให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น
ทุกภารกิจ ทุกบริการ ทีโอที มุ่งมั่นตั้งใจให้บริการประชาชนและสังคมทุกภาคส่วน เพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมและดิจิทัลของประเทศ ในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ยุคดิจิทัลอย่างมั่นคงต่อไป