สถาบันเอ็นอีเอ เปิดคัมภีร์ค้าขายสุดปังกับ 4 ข้อไม่ลับฉบับผักอบแห้ง “กรีนเดย์” ส่งออกผักผลไม้อบกรอบ มากกว่า 30 ประเทศทั่วโลก

ศุกร์ ๑๗ กรกฎาคม ๒๐๒๐ ๑๑:๕๓
“ประเทศไทย” ขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนที่เชี่ยวชาญในด้านการทำเกษตรกรรม มีพืชพรรณนานาชนิดสำหรับการบริโภค แต่ถึงแม้ว่าจะมีความเลื่องชื่อและเชี่ยวชาญในเรื่องการเพาะปลูก รวมถึงมีเกษตรกรเป็นจำนวนมาก แต่ในเรื่องการประยุกต์เป็นสินค้าเพื่อสร้างมูลค่าในการค้าขาย และเพื่อการส่งออกนั้นยังจำเป็นต้องพัฒนาอยู่อีกมาก ซึ่งในวันนี้จะเห็นได้ว่าเกษตรกรรมในประเทศไทยยังเสียโอกาสในเรื่องของสินค้าที่มีความสร้างสรรค์และมีมูลค่าสูง ซึ่งเป็นเรื่องที่หลาย ๆ ภาคส่วนจำเป็นต้องผลักดันร่วมกัน เพื่อให้สัดส่วนทรัพยากรที่มีอยู่สร้างความได้เปรียบมากขึ้น
สถาบันเอ็นอีเอ เปิดคัมภีร์ค้าขายสุดปังกับ 4 ข้อไม่ลับฉบับผักอบแห้ง กรีนเดย์ ส่งออกผักผลไม้อบกรอบ มากกว่า 30 ประเทศทั่วโลก

แบรนด์หนึ่งที่ประสบความสำเร็จในการสร้างสรรค์พืชผลทางการเกษตรให้เป็นสินค้าที่มีมูลค่า และหลายคนน่าจะคุ้นเคยเป็นอย่างดี คือ “กรีนเดย์” ธุรกิจที่นำเทคโนโลยีการอบแบบแช่แข็งและใช้การทอดสูญญากาศ (Vacuum frying) ที่ทันสมัยนำมาใช้ในการแปรรูปผักผลไม้เป็น ขนมอบกรอบเพื่อสุขภาพ ที่วางจำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออกไปประเทศต่างๆ กว่า 30 ประเทศทั่วโลก ซึ่งวันนี้เจ้าของแบรนด์อย่าง คุณชัยรัตน์ คงศุภมานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท กรีนเดย์

โกลบอล จำกัด ได้มาถ่ายทอดทริคในการสร้างสรรค์สินค้าเกษตรให้มีมูลค่า ในหลักสูตร “The Guru ปันความรู้สู่ภูมิภาค” ของสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หากเกษตรกรหรือผู้ประกอบธุรกิจคนไหนอยากพัฒนาสินค้าให้มีมูลค่าเช่น “กรีนเดย์” ต้องไม่พลาดทริคดี ๆ ที่นำมาฝากในวันนี้

คุณชัยรัตน์ เล่าว่า จุดเริ่มต้นของธุรกิจผลไม้อบแห้งแบรนด์ “กรีนเดย์” นั้น เริ่มต้นจากธุรกิจเล็กๆ ตั้งแต่รุ่นของคุณพ่อที่ทำธุรกิจส่งออกสินค้าประเภทอาหารไทย เช่น ขนมขบเคี้ยว ก๋วยเตี๋ยว กะปิ น้ำปลา ไปจนถึง ครก ศาลเจ้า กระดาษเงิน กระดาษทอง ส่งออกไปยังตลาดไชน่าทาวน์ที่กระจายอยู่ตามเมืองต่างๆ ทั่วโลกเมื่อ 40 ปีที่แล้ว และเมื่อคุณชัยรัตน์ เรียนจบด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีทางอาหาร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงได้เริ่มบุกเบิกธุรกิจใหม่เพื่อต่อยอดธุรกิจดั้งเดิมของครอบครัว เพราะไม่อยากขายผลไม้ดอง ซึ่งเป็นธุรกิจดั้งเดิมของครอบครัวอีกต่อไป จึงได้มองเห็นโอกาสทางธุรกิจว่าสินค้าเกษตรประเภทอาหารของไทย สามารถเป็นที่ยอมรับของต่างชาติได้ จึงได้เริ่มการทำธุรกิจที่สร้างผลิตภัณฑ์ผักและผลไม้แปรรูปที่แตกต่างออกไป ไม่เน้นแข่งด้านราคา แต่มุ่งเน้นที่คุณภาพ ประกอบกับคุณพ่อมีเครือข่ายลูกค้าในต่างประเทศอยู่แล้วจึงเข้ามาสานต่อ ช่วงแรก ๆ จะแปรรูปขนุน สับปะรด กล้วย มันเทศ เผือก ซึ่งทำเป็นผลไม้รวมออกมา และจากจุดเริ่มต้นที่มีเครื่องจักรแค่ 2 ตัว แต่ในเวลาเพียงไม่กี่ปี “กรีนเดย์” ได้ก้าวขึ้นสู่ทำเนียบผู้ผลิตผักผลไม้อบกรอบ สินค้าที่คนรักสุขภาพ ที่คนทั่วโลกพากันนิยมชมชอบ จนกลายเป็นบริษัทระดับแนวหน้าของไทยในเวลานี้อย่างเต็มภาคภูมิ

สิ่งสำคัญในการสร้างตลาด และแบรนด์ของกรีนเดย์ที่ประสบความสำเร็จนั้น คุณชัยรัตน์เล่าว่า ต้องมีองค์ประกอบ ทั้งเล็กและใหญ่ ดังนี้

การตั้งชื่อ หลายคนตั้งคำถาม ว่าทำไมต้องเป็น “กรีนเดย์” ตอนแรกพ่ออยากให้ชื่อ “กินดี” คนจะได้จดจำง่าย แต่เนื่องจากตัวเองเป็นคนรุ่นใหม่ ที่อยากเห็นสินค้าไทยที่ผลิต ได้กระจายออกไปทั่วโลก จึงอยากใช้ชื่อเป็นภาษอังกฤษแต่ออกเสียงคล้ายๆ คำว่า “กินดี” จึงเป็นที่มาของชื่อแบรนด์ “กรีนเดย์” ดังนั้นจะเห็นได้ว่า การตั้งชื่อสินค้ามีความสำคัญมาก เพราะจะต้องตั้งชื่อให้สามารถสื่อสารและเข้าใจในตัวสินค้าด้วยมองตลาดให้ขาด วางกลยุทธ์ให้เฉียบ ตอนเริ่มต้นธุรกิจบุกตลาดต่างประเทศช่วงแรก ไม่ได้สวยหรูอย่างที่วางไว้ แต่เจออุปสรรคเรื่องคู่แข่งที่คาดไม่ถึงจากเวียดนาม ซึ่งผลิตสินค้าได้คล้ายกันแต่ราคาถูกกว่า ทั้งค่าแรงและวัตถุดิบ ถึงแม้จะปรับลดราคาสู้แต่ก็สู้ไม่ได้ จึงตัดสินใจเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ ที่ไม่แข่งขันกันเรื่องราคา แต่กลับมาสู้กันด้วยเรื่องของกลุ่มเป้าหมาย กรีนเดย์ มองสินค้าใหม่และพุ่งเป้าไปที่กลุ่มลูกค้ารักสุขภาพที่มีกำลังซื้อสูง ซึ่งเทรนด์สุขภาพ กำลังมาแรงทั้งในยุโรปและเอเชีย เพราะคนที่รักสุขภาพจริงๆ กล้าที่จะยอมจ่ายเพื่อซื้อสินค้าดีๆ ดังนั้นลูกค้าของกรีนเดย์จึงเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และเมื่อเปลี่ยนกลุ่มลูกค้ากลุ่มใหม่ย่อมส่งผลถึงตัวสินค้าและช่องทางจัดจำหน่าย ที่ต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด สินค้าของกรีนเดย์จึงเปลี่ยนรูปแบบบรรจุภัณฑ์ (Packaging) จากแบบเดิมๆ มาเป็นซองสีขาวดูสะอาดตา และยังพัฒนาอย่างต่อเนื่องกระทั่งทุกวันนี้ ที่ค่อยๆเริ่มมีสีสันมากขึ้น ส่วนช่องทางจัดจำหน่ายก็ต้องเปลี่ยนวิธีการวางสินค้าใหม่ทั้งหมดให้สอดคล้องกลุ่มเป้าหมายเกษตรพันธสัญญา (Contact Farming) เคล็ดลับการจัดการวัตถุดิบ สินค้าเกษตรเป็นวัตถุดิบต้นน้ำในการผลิต ดังนั้นการบริหารจัดการจึงต้องแม่นยำ หากบริหารจัดการไม่ดีสินค้าสต็อกไว้มากก็เป็นภาระต้นทุน หากสินค้าไม่เพียงพอก็ไม่สามารถผลิตป้อนตามคำสั่งซื้อได้ จึงต้องวางแผนการจัดการให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้นปัญหาวัตถุดิบไม่เพียงพอต่อ

การผลิตจึงเป็นโจทย์ที่ต้องตีให้แตก ซึ่งเครื่องมือหนึ่งที่ต้องเรียนรู้คือ เกษตรพันธสัญญา (Contact farming) ระบบการเกษตร การเลี้ยงสัตว์ หรือการเพาะปลูกพืช ที่มีการทำสัญญาซื้อขายผลผลิตล่วงหน้าระหว่างฝ่ายเกษตรกรหรือเจ้าของฟาร์ม กับคู่สัญญา ซึ่งมักเป็นบริษัทเอกชนที่สัญญาว่าจะซื้อผลผลิตจากอีกฝ่ายในราคาที่ตกลงกันตั้งแต่ต้นซึ่งเรียกว่า "ราคาประกัน" ดังนั้นผู้ประกอบการจึงจะได้รับผลผลิตที่ตรงตามความต้องการได้อย่างแท้จริง

4.กลยุทธ์เจาะตลาดตรงเป้าทั้งในและต่างประเทศ ปัญหาใหญ่ที่สุดของผู้ประกอบการ SME ในช่วงเริ่มต้นธุรกิจใหม่ๆ คือช่องทางจัดจำหน่าย “กรีนเดย์” ในช่วงเริ่มต้นก็ยังไม่เป็นที่รู้จักในตลาดมากนัก ดังนั้นการที่จะนำสินค้าเข้าไปวางในห้างสรรพสินค้า ร้านโมเดิร์นเทรดหรือร้านสะดวกซื้อ จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก และจะต้องผ่านขั้นตอนต่างๆ มากมาย สำหรับผู้ประกอบการหน้าใหม่ แนะนำให้ออกบูธเพื่อจะได้มีโอกาสพบปะแลกเปลี่ยนกับคู่ค้าอื่นๆ แต่หากมีเงินทุนยังไม่มากนัก และคิดจะเจาะตลาดต่างประเทศให้ได้ผลแต่ต้นทุนต่ำ แนะนำให้ใช้บริการ 1169 ของ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อขอข้อมูลลูกค้าในต่างประเทศ ซึ่งทางกรมฯ ก็จะส่งรายชื่อให้เลือกว่ามีประเทศไหนบ้างที่น่าสนใจที่จะทำการค้าร่วมกัน กลยุทธ์เหล่านี้เหมาะสำหรับผู้ประกอบการ SME ที่จะนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับธุรกิจของตัวเอง ซึ่งกรีนเดย์ก็ใช้ประโยชน์ตรงนี้ไม่น้อย

นางอารดา เฟื่องทอง ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) กล่าวว่า สถาบันได้จัดทำหลักสูตร การบริหารธุรกิจการแปรรูปผลิตผลทางการเกษตร เพื่อการส่งออก ภายใต้ระบบการเรียนรู้ในรูปแบบ E-Learning ที่เรียกว่า “The Guru ปันความรู้สู่ภูมิภาค” ขึ้น ภายใต้แนวคิด “Edutainment ซีรี่ส์” หลักสูตรการค้าออนไลน์ ผสานสาระและความบันเทิงในมิติใหม่ อีกหนึ่งการเรียนรู้ในแพลตฟอร์มของ NEA E-Learning Universe แนวทางที่จะเสริมสร้างองค์ความรู้ให้กับผู้ประกอบการไทย และนำพาผู้ประกอบการไปสู่ช่องทางออนไลน์ได้อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งยังคงมีอีกหลายหลักสูตรที่น่าสนใจ และเหมาะสำหรับผู้ประกอบการไทยในยุคปัจจุบันที่สามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่การค้าโลกมีการเปลี่ยนแปลงขั้นรุนแรง มีความไม่มั่นคงในธุรกิจสูงมาก ดังนั้นความอยู่รอดของผู้ประกอบการในปัจจุบัน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเฉพาะขนาดของธุรกิจ และทรัพยากรที่มี แต่ขึ้นอยู่กับความสามารถในการปรับตัวให้เท่าทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปมากกว่า ดังนั้น สถาบันจึงได้เห็นความสำคัญของการสร้างองค์ความรู้และทักษะ รวมถึงประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจ จากผู้ประกอบการที่ประสบปัญหาและแนวทางแก้ปัญหา มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ตรงให้กับผู้ประกอบการได้เตรียมความพร้อมก่อนที่จะส่งสินค้าไทยไปเติบโตไกลในตลาดโลก และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารของโครงการหรือกิจกรรมอื่นๆ ของสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่(NEA)ได้ที่ nea.ditp.go.th หรือ www.ditp.go.th หรือ www.facebook.com/nea.ditp หรือ สายตรงการค้าระหว่างประเทศ 1169

สถาบันเอ็นอีเอ เปิดคัมภีร์ค้าขายสุดปังกับ 4 ข้อไม่ลับฉบับผักอบแห้ง กรีนเดย์ ส่งออกผักผลไม้อบกรอบ มากกว่า 30 ประเทศทั่วโลก สถาบันเอ็นอีเอ เปิดคัมภีร์ค้าขายสุดปังกับ 4 ข้อไม่ลับฉบับผักอบแห้ง กรีนเดย์ ส่งออกผักผลไม้อบกรอบ มากกว่า 30 ประเทศทั่วโลก

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๙ เม.ย. บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๙ เม.ย. รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๙ เม.ย. กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๙ เม.ย. ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๙ เม.ย. กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๙ เม.ย. เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๙ เม.ย. สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๙ เม.ย. GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๙ เม.ย. เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๙ เม.ย. เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4