“ที่ปรึกษา ยุทธพล” เปิดกิจกรรมให้ความรู้ใช้ขาแท่นหลุมผลิตปิโตรเลียม สร้างแหล่งปะการังเทียม จ.สุราษฎร์ธานี สร้างประโยชน์เพิ่มแหล่งปะการังใต้ท้องทะเล

พุธ ๒๒ กรกฎาคม ๒๐๒๐ ๑๓:๕๗
นายยุทธพล อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานเปิดการประชุมเครือข่ายผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการใช้ประโยชน์จากขาแท่นหลุมผลิตปิโตรเลียมไปจัดวางเป็นปะการังเทียม จังหวัดสุราษฎร์ธานี ณ โรงแรมบรรจงบุรี อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีนายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ตลอดจนคณะผู้บริหารในสังกัดกระทรวง ทส. คณะทำงานจากบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด อาจารย์และนักวิชาการจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทะเลชุมชนชายฝั่ง ประมงพาณิชย์ และผู้ประกอบการท่องเที่ยวและเดินเรือ เข้าร่วมประชุมจำนวนกว่า 600 คน

นายยุทธพล อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวภายหลังการเปิดการประชุมเครือข่ายว่า ตนได้ให้ความสนใจการใช้ประโยชน์จากขาแท่นหลุมผลิตปิโตรเลียมไปจัดวางเป็นปะการังเทียมและได้ติดตามการดำเนินงานโครงการนี้อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด นอกจากนี้ ตนได้หารือกับนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึง

กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในการกำหนดแนวทางการศึกษาและความเป็นไปได้ในการดำเนินโครงการดังกล่าว อีกทั้ง ได้จับมือร่วมกับบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด และกลุ่มนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนได้ข้อสรุปและนำเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2561 โดยมีพลเอก ประวิตร

วงษ์สุวรรณ เป็นประธาน และได้มีมติเห็นชอบในหลักการให้จัดทำโครงการนำร่องการใช้ขาแท่นหลุมผลิตปิโตรเลียมจำนวน 7 ขาแท่น ไปจัดวางเป็นปะการังเทียมเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล บริเวณเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี (โครงการฯ) และได้มอบหมายให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการดังกล่าวร่วมกับบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด (เชฟรอนประเทศไทย) และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (จุฬาฯ) เมื่อราวเดือนเมษายน พ.ศ. 2562 สำหรับการจัดงานในวันนี้ (22 กรกฎาคม 2563) เป็นการชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่ และเสริมสร้างความรู้ภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนในการฟื้นฟูและอนุรักษ์ท้องทะเลไทย อย่างไรก็ตาม การนำขาแท่นหลุมผลิตปิโตรเลียมจำนวน 7 ขาแท่นไปจัดวางเป็นปะการังเทียม จะช่วยเสริมศักยภาพด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและระบบนิเวศทางทะเล สร้างที่อยู่อาศัยและแหล่งหลบภัยของสิ่งมีชีวิตวัยอ่อน ซึ่งการนำขาแท่นหลุมผลิต มาใช้ทำปะการังเทียมนั้น มีการดำเนินการในหลายพื้นที่ทั่วโลก สำหรับประเทศไทยเอง มูลนิธิเพื่อสถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ได้ศึกษาการใช้โครงสร้างเหล็กชนิดเดียวกับขาแท่นมาจัดวางเป็นปะการังเทียมในบริเวณพื้นที่อ่าวโฉลกหลำเกาะพะงัน และพบว่ามีความเหมาะสมในการเข้าอยู่อาศัยของสัตว์น้ำและสิ่งมีชีวิตต่างๆ อีกทั้งเป็นการใช้ประโยชน์ทางด้านการท่องเที่ยวที่สามารถเป็นแหล่งดำน้ำและการประมง สร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานีรวมถึงกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับประเทศชาติ จึงเป็นที่มาของการดำเนินโครงการดังกล่าวนี้

ด้าน นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวเพิ่มเติมว่า ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว ได้มีการริเริ่มศึกษาความคุ้มค่าและความเป็นไปได้ในสมัยนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยังดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และพัฒนาการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทาง ทช. จะร่วมดำเนินงาน ติดตามประเมินและดูแลพื้นที่โครงการฯ รวมทั้งประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะที่เชฟรอนประเทศไทย จะส่งมอบขาแท่นหลุมผลิตปิโตรเลียมที่ไม่ใช้งานแล้วจำนวน 7 ขาแท่น ให้แก่ ทช. เพื่อนำไปจัดวางเป็นปะการังเทียม รวมทั้งให้การสนับสนุนงบประมาณการดำเนินโครงการฯ นอกจากนี้ ศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จะเป็นผู้รับผิดชอบในการศึกษาทางวิชาการด้านกายภาพและนิเวศวิทยาของพื้นที่ รวมถึงการเข้าใช้ประโยชน์พื้นที่ให้เป็นไปตามมาตรฐานวิชาการของทั้งในและต่างประเทศ ทั้งนี้ ขาแท่นที่นำมาจัดวางนั้น มีลักษณะที่คงทน แข็งแรง ทำจากเหล็กกล้า (carbon steel) ไม่มีส่วนใดสัมผัสกับปิโตรเลียมมาก่อน จึงไม่มีการปนเปื้อนของคราบน้ำมันตกค้าง สำหรับพื้นที่การจัดวางปะการังเทียมตั้งอยู่ห่างจากเกาะพะงันไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ 7.5 ไมล์ทะเล และมีระยะห่างจากหินใบไปทางตะวันออกประมาณ 7.8 ไมล์ทะเล ซึ่งกองปะการังเทียมจากขาแท่นฯ มีขนาดเพียง 0.05 ตารางกิโลเมตร ที่ระดับความลึกของน้ำประมาณ 38.5–39.5เมตร โดยมีระยะห่างระหว่างมียอดกองถึงผิวน้ำมากกว่า 15 เมตร โดยจะเริ่มจัดวางในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายนนี้ และ ได้แบ่งการดำเนินงานศึกษาติดตามออกเป็น 2 ระยะ ระยะแรกจะใช้เวลา 2 ปี เพื่อศึกษาผลด้านกายภาพ ชีววิทยา นิเวศวิทยา ส่วนระยะที่สอง จะใช้เวลา 4 ปี ในการติดตามต่อเนื่องจากระยะแรกเพื่อเก็บข้อมูลสิ่งมีชีวิตที่เข้ามาอยู่อาศัยในแนวปะการัง และการเข้าใช้ประโยชน์ของผู้มีส่วนได้เสีย อย่างไรก็ตาม กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จะมุ่งมั่นดำเนินการเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพ เพื่อเสริมสร้างความสมบูรณ์และสมดุลของระบบนิเวศทางทะเล ต่อไป “นายโสภณ อธิบดี ทช. กล่าวในที่สุด”

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘:๐๑ วช. ขับเคลื่อนงานวิจัยเชิงพื้นที่ 'ประเทศไทยปลอดภัยจาก PM2.5' มุ่งลดฝุ่นพิษภาคเหนืออย่างยั่งยืน
๑๘:๐๘ TKS จัดประชุมผู้ถือหุ้นปี 2568 ไฟเขียวจ่ายปันผลอีก 0.33 บ./หุ้น
๑๘:๔๙ STECH จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 แจกปันผลเป็นเงินสดหุ้นละ 0.034 บาท
๑๘:๒๒ SGP จัดประชุมผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติเคาะปันผลครึ่งปีหลัง 0.20 บาท/หุ้น
๑๘:๐๖ ผู้ถือหุ้น FLOYD พร้อมใจเห็นชอบ ไฟเขียวทุกวาระ อนุมัติจ่ายปันผล 0.08 บาท/หุ้น
๑๘:๑๑ TEKA จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 พร้อมไฟเขียวจ่ายปันผล 0.155 บาท
๑๘:๒๓ BRR จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 ผู้ถือหุ้นเคาะจ่ายปันผล 0.50 บาท/หุ้น
๑๘:๓๘ กลุ่มเหล็กรุ่นใหม่ เข้าพบ 'เอกนัฏ' ประสานเสียงให้กำลังใจ ดันยกเลิกเหล็ก IF กันเหล็กนำเข้าไร้มาตรฐาน
๑๘:๑๘ ดั๊บเบิ้ล เอ จับมือ เอเชีย เอรา วัน และกรมป่าไม้ จัดกิจกรรมรักษ์โลก สร้างสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน
๑๗:๒๘ LPH ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห. ไฟเขียวจ่ายปันผลอีก 0.10 บ./หุ้น