ผลสำรวจจากรายงาน ASEAN Youth 2020 “COVID-19: The True Test of Resilience and Adaptability” บ่งชี้ว่าแม้การแพร่ระบาดของ COVID-19 จะทำให้เกิดความท้าทายที่ไม่คาดคิด คนรุ่นใหม่ในกลุ่มเศรษฐกิจอาเซียนยังคงแสดงสัญญาณที่ดี โดย 72% แสดงการเติบโตด้าน “Adaptability & Resilience” หรือความกระตือรือร้นในการปรับตัวและความยืดหยุ่นหรือแนวโน้มการฟื้นตัวกลับมาจากสถานการณ์ในช่วงที่มีการแพร่ระบาด ซึ่ง 48% ระบุว่ามีความพร้อมในการรับมือสถานการณ์โรคระบาด ประมาณ 41% ระบุว่ามีการพัฒนาทักษะใหม่ๆ ราว 38% ระบุว่าเรียนรู้การคิดวิเคราะห์อย่างสร้างสรรค์ และอีก 31% สามารถสร้างรายได้จากช่องทางใหม่ๆ ได้สำเร็จฃ
การพัฒนา “Adaptability & Resilience” ในด้านต่างๆ ยังมีความสอดคล้องกับช่วงวัย อาชีพ และบทบาทหน้าที่ โดยกลุ่มเด็กนักเรียนมีความโดดเด่นมากที่สุดในด้านการพัฒนาทักษะใหม่ๆ กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ระบุว่าเป็นผู้ประกอบการมุ่งพัฒนาตนเองด้านการสร้างแบบจำลองธุรกิจ (Business Model) ใหม่ๆ เพื่อเพิ่มช่องทางหารายได้ ส่วนกลุ่มวัยทำงานให้ความสำคัญกับการเตรียมตัวรับมือสถานการณ์โรคระบาดมากที่สุด
ดร. สันติธาร เสถียรไทย ประธานทีมเศรษฐกิจและกรรมการผู้จัดการใหญ่ Sea (Group) กล่าวว่า “วิกฤตที่เกิดจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 นับเป็นบทเรียนฉบับเร่งรัดที่ส่งผลให้คนรุ่นใหม่ต้องปรับตัวให้ฉับไวและทันต่อสถานการณ์ ซึ่งสถิติจากการสำรวจบ่งชี้ว่าคนรุ่นใหม่ในอาเซียนมี Mindsets ที่ดี แสดงให้เห็นถึงการเติบโตด้าน 'Adaptability & Resilience’ ซึ่งสะท้อนว่าบุคลากรซึ่งเป็นอนาคตของภูมิภาคเหล่านี้จะสามารถฟื้นตัว ปรับตัว และตอบสนองต่อสภาวะวิกฤตได้ ทั้งจากวิกฤต COVID-19 ที่ยังไม่จบลง และวิกฤตอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตและในโลกแห่งการทำงาน”
นอกจากนี้ ผู้หญิงในกลุ่มอาเซียนมีความกระตือรือร้นที่จะพัฒนาชุดทักษะใหม่ๆ มากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะด้านทักษะทางการเงิน โดยจำนวนบุคคลที่ระบุว่าสามารถบริหารจัดการเงินได้ดีขึ้น จำแนกเป็นกลุ่มผู้หญิงและผู้ชายอยู่ที่ 63% และ 53% ตามลำดับ ส่วนจำนวนบุคคลที่ให้ความสำคัญกับเงินออมสำรองฉุกเฉินจำแนกเป็นกลุ่มผู้หญิงและผู้ชายอยู่ที่ 63% และ 47% ตามลำดับ
คนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ปรับตัวเข้าสู่วิถีชีวิตดิจิทัลอย่างถาวร
เมื่อจำเป็นต้องขานรับวิถีชีวิตใหม่ ดิจิทัลฟุตพริ้นท์ (Digital Footprint) ของเยาวชนและคนหนุ่มสาวในอาเซียนจึงเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดย 87% ของผู้ทำแบบสอบถามกล่าวว่าตนใช้เครื่องมือดิจิทัล (Digital Tool) อย่างน้อย 1 อย่างในช่วงที่มีการแพร่ระบาด ในขณะที่ 42% ระบุว่าได้ทดลองใช้เครื่องมือดิจิทัลใหม่ที่ไม่เคยใช้งานมาก่อน นอกจากนี้ ประเทศอินโดนีเซียและสิงคโปร์มีการขยายตัวของการรับเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้ (Digital Adoption) ที่โดดเด่นเป็นพิเศษ โดยกว่าครึ่งของคนรุ่นใหม่ในทั้ง 2 ประเทศ ระบุว่าเลือกซื้อสินค้าผ่านอีคอมเมิร์ซถี่ขึ้นกว่าในอดีต ส่วนประเทศไทยมีความโดดเด่นด้านการทำธุรกรรมออนไลน์ผ่านอีเพย์เมนต์และอีแบงก์กิ้งที่โดดเด่นกว่าประเทศอื่นๆ ในอาเซียน ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลการชำระเงินในเดือนมีนาคม 2563 จากธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ชี้ว่าจำนวนการใช้ดิจิทัลเพย์เมนต์เพิ่มมากขึ้นกว่า 40% โดยอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้งและโมบายแบงก์กิ้งเติบโตมากที่สุดราว 70% ซึ่งสะท้อนแนวโน้มการเติบโตของสังคมไร้เงินสด (Cashless Society) อย่างชัดเจน
ฝั่งผู้ประกอบการมีการปรับกลยุทธ์ช่องทางกระจายสินค้าและหันมากระตุ้นยอดขายด้วยช่องทางออนไลน์ โดย 33% ของผู้ขายที่ใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ แจ้งว่ามีกิจกรรมการขายที่แอคทีฟขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงวิกฤต COVID-19 และ 1 ใน 4 ของกลุ่มผู้ขายบนอีคอมเมิร์ซยังระบุว่าเป็นครั้งแรกที่ลองใช้อีคอมเมิร์ซในการทำธุรกิจ
นอกจากนี้ ผลการสำรวจยังยืนยันว่า การเพิ่มขึ้นของดิจิทัลฟุตพริ้นท์ (Digital Footprint) ไม่ได้เป็นแค่เทรนด์ฉาบฉวย เนื่องจากคนส่วนใหญ่ระบุว่าตนจะยังคงใช้เครื่องมือดิจิทัลต่างๆ ต่อไป แม้ว่าสถานการณ์โรคระบาดจะกลับมาเป็นปกติแล้วก็ตาม โดย 60% ระบุว่าจะเพิ่มปริมาณการใช้โซเชียลมีเดีย อีคอมเมิร์ซ ช่องทางการศึกษาออนไลน์ การทำธุรกรรมออนไลน์ และบริการสั่งอาหารออนไลน์อย่างถาวร
“เมื่อกิจกรรมในชีวิตประจำวันถูกเคลื่อนย้ายไปอยู่บนแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่างแพร่หลาย กระบวนการเปลี่ยนแปลงสู่ระบบดิจิทัล (Digitalization) จึงถูกเร่งให้เร็วยิ่งขึ้น ส่งผลให้เครื่องมือดิจิทัล (Digital Tools) และทักษะดิจิทัล (Digital Skills) ยิ่งเป็นที่ตระหนักถึงและทวีความจำเป็นมากขึ้น” ดร. สันติธาร กล่าวเสริม
การขาดทักษะดิจิทัล และการขาดความสามารถในการเข้าถึงเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่มีคุณภาพและจับต้องได้ เป็นข้อจำกัดที่เด่นชัดที่สุดในอาเซียน
เนื่องจากวิกฤต COVID-19 เป็นวิกฤตใหญ่ครั้งแรกที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเยาวชนและคนหนุ่มสาวช่วงอายุ 16 – 35 ปี ทั้งในแง่เศรษฐกิจและสาธารณสุข Sea (Group) จึงต้องการสำรวจว่าคนรุ่นใหม่พบอุปสรรคใดบ้างในการปรับตัวรับโรคระบาดใหญ่ครั้งนี้ โดยผู้ตอบแบบสอบถามมากถึง 69% พบว่าการเรียนหรือทำงานทางไกล (Remote studying and working) เป็นเรื่องยากลำบาก และอีก 7% กล่าวว่าไม่สามารถเรียนหรือทำงานทางไกลผ่านช่องทางออนไลน์ได้โดยสิ้นเชิง
รายงานยังพบว่ากลุ่มที่มีความเปราะบางและมีปัญหาในการปรับตัวให้สอดรับกับวิถีการเรียนและการทำงานทางรูปแบบใหม่มักเป็นกลุ่มคนที่มีระดับการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี และคนกลุ่มนี้ชี้ว่าอุปสรรคที่เป็นข้อจำกัดมากที่สุด ได้แก่ การขาดแคลนด้านทักษะดิจิทัลที่จำเป็นต่อการเรียนและการทำงานทางไกล (84%) และการขาดความสามารถในการเข้าถึงเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่มีคุณภาพในราคาที่จับต้องได้ (79%)
ปัญหาทางการเงินก็เผยตัวชัดเจนขึ้นเช่นกัน โดย 19% แจ้งว่าการขาดทุนทรัพย์เป็นปัญหาใหญ่ในการใช้ชีวิต การเรียน และการทำงาน โดยภายใน 19% นี้ กลุ่มคนที่เผชิญปัญหาทางการเงินรุนแรงที่สุด คือกลุ่มแรงงานอิสระ (Gig economy workers) และผู้ประกอบการ มีจำนวน 24% และ 23% ตามลำดับ
“เรายินดีที่คนรุ่นใหม่ในภูมิภาคอาเซียนมีความตื่นตัวในการตอบสนองต่อความท้าทายจากสภาวะเศรษฐกิจและสังคมที่ไม่ปกติ ทั้งนี้ ผลการสำรวจยังชี้ชัดอีกด้วยว่า ภาครัฐและภาคเอกชนจำเป็นต้องทำงานร่วมกัน เพื่อปลดล็อกศักยภาพให้แก่กลุ่มคนที่จะเติบโตขึ้นมาผู้นำและผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมรุ่นใหม่ของภูมิภาคในอนาคต โดยจำเป็นต้องสนับสนุนพวกเขาให้สามารถยกระดับความสามารถที่จำเป็นในยุคดิจิทัล พร้อมกำจัดอุปสรรคด้านการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต และให้การสนับสนุนเพื่อเพิ่มสภาพคล่องและเสถียรภาพทางการเงิน” ดร. สันติธาร กล่าวสรุป
รายงาน ASEAN Youth 2020 “COVID-19: The True Test of Resilience and Adaptability” เป็นรายงานการสำรวจที่ Sea Insight ซึ่งเป็นทีมวิจัยและนโยบายสาธารณะของ Sea (Group) จัดทำร่วมกับสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum: WEF) โดยเป็นการสำรวจครั้งใหญ่บนแพลตฟอร์มช้อปปี้ (อีคอมเมิร์ซ) และการีนา (ดิจิทัลเอนเตอร์เทนเมนต์) ใน 6 ประเทศในอาเซียน ประกอบไปด้วย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม
เกี่ยวกับ Sea (ประเทศไทย)
Sea เป็นผู้นำในการให้บริการอินเทอร์เน็ตแพลตฟอร์มระดับโลก ซึ่งดำเนินธุรกิจด้านดิจิทัลเอนเตอร์เทนเมนท์ (Digital Entertainment) อีคอมเมิร์ซ (e-Commerce) และ บริการด้านการเงินแบบดิจิทัล (Digital Financial Services) กลุ่มบริษัทในเครือ Sea (ประเทศไทย) ประกอบด้วย บริษัท การีนา ออนไลน์ (ประเทศไทย) บริษัท ช้อปปี้ ประเทศไทย และ บริษัท ซีมันนี่ (ประเทศไทย) โดยพันธกิจของ Sea คือการทำให้ชีวิตของผู้บริโภคและผู้ประกอบการรายย่อยมีความสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยี นอกจากนี้ Sea ยังเป็นบริษัทที่ได้รับการจดทะเบียนในตลาดทุน NYSE โดยใช้สัญลักษณ์ SE สามารถติดตามข่าวสาร Sea (ประเทศไทย) ได้ที่ https://www.seathailand.com/