จุดเริ่มต้นของ “การให้” อย่างต่อเนื่อง เกิดจากคุณทองมาได้เริ่มมอบทุนการศึกษาให้แก่นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่ขาดแคลน ซึ่งเป็นสถาบันที่คุณทองมาเป็นศิษย์เก่ามาก่อน รวมถึงสนับสนุนกิจกรรมทางการศึกษาของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาและได้บริจาคเพื่อกิจกรรมต่าง ๆ เรื่อยมา จนกระทั่งต้องการขยายความช่วยเหลือไปสู่ส่วนอื่น ๆ ให้ครบทั้งสามด้านตามเจตนารมย์ที่ตั้งไว้ ได้แก่ การทำนุบำรุงศาสนา สนับสนุนทุนการศึกษา และช่วยเหลือหน่วยงานต่าง ๆ ที่ทำงานเพื่อสังคมและประเทศไทย โดยเริ่มบริจาค “ทุนวิจิตรพงศ์พันธุ๋” ให้หน่วยงานต่าง ๆ ตั้งแต่ปี 2553 และได้มอบต่อเนื่องทุกปีเป็นประจำ โดยในปีนี้เป็นปีที่ 11 ซึ่งตลอด 11 ปี ที่ผ่านมาได้บริจาคเงินเพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางศาสนา การศึกษา และสังคม ผ่านมูลนิธิ สถาบันการศึกษา และองค์กรต่าง ๆ ไปแล้ว รวมทั้งสิ้น 99 องค์กร เป็นยอดเงินบริจาคกว่า 384 ล้านบาท โดยเงินบริจาคนี้จะมีส่วนช่วยสนับสนุนการทำงานขององค์กรต่าง ๆ และเป็นประโยชน์ต่อชีวิตคนไทยจำนวนอีกมากมาย
สำหรับในปี 2563 นี้ เป็นอีกหนึ่งปีที่ทั่วโลกต้องบันทึกในประวัติศาสตร์อีกครั้ง จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งกระทบต่อชีวิตประชากรทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย การปรับตัว และการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันในสังคมในขณะที่ทุกคนต้องร่วมมือร่วมใจเพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรค ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในสังคม เกิดเป็นนิวนอร์มอล (New Normal) ที่ทำให้คนทั่วทั้งโลกต้องเรียนรู้การใช้ชีวิตด้วยการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ส่งผลกระทบต่อการดำเนินกิจการของหน่วยงานที่ทุนวิจิตรพงศ์พันธุ์ให้การสนับสนุนด้วยซึ่งทุกองค์กรก็ต้องมีการปรับตัวเช่นกัน
คุณมณเธียร ธนานาถ นายกยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย เล่าถึงการสนับสนุนจากทุนวิจิตรพงศ์พันธุ์และการปรับตัวของการดำเนินกิจการของสมาคมในช่วงสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ว่า “ยุวพุทธิกสมาคมได้รับความอนุเคราะห์จากกองทุนวิจิตรพงศ์พันธุ์ปีนี้เป็นปีที่ 8 โดยสมาคมมีอุดมการณ์ที่จะศึกษาและเผยแผ่พระพุทธศาสนา ในสถานการณ์โควิด-19 ผลกระทบใหญ่ของสมาคมคือหลังจากการออกพ.ร.บ.ฉุกเฉิน ทำให้พุทธศาสนิกชนไม่สามารถเดินทางเข้ามาปฏิบัติธรรมที่สมาคมได้ เราจึงคิดว่าจะทำรายการออนไลน์ เพื่อที่จะนำธรรมะไปสู่ประชาชน เพราะคนเราต้องการอาหารทางด้านร่างกายและอาหารทางด้านจิตใจ ซึ่งงานทางด้านศาสนาเป็นงานช่วยเหลือทางด้านจิตใจอยู่แล้ว จึงเกิดเป็นโครงการวายทีวี ซึ่งเป็นเพจที่จะมอบธรรมะแก่ทุกคนที่สนใจ พอทำแล้วมีคนสนใจมากขึ้น มีครูบาอาจารย์ที่อยู่ในแวดวงยุวพุทธอยู่ 30 กว่าท่าน เราก็เลยทำออกมาหลาย ๆ ช่อง นอกจากนี้ในช่วงวิกฤติโควิด-19 ทางสมาคมยังได้จัดทำถุงยังชีพแจกชาวบ้านในชุมชนประมาณ 2,100 ถุง และมีการถวายอาหารเพลที่วัดต่าง ๆทั่วกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด อีกด้านหนึ่งคือเรื่องความสะอาด ซึ่งเรามีเทคโนโลยีซึ่งเราสามารถใช้ฆ่าเชื้อ ทำความสะอาดสถานที่ของเราให้สะอาดได้ดีมากและก็สามารถที่จะเผื่อแผ่ไปช่วยดูแลที่วัดอื่น ๆ ตามที่วัดจะขอมา หรือว่าทางเจ้าภาพญาติโยมมีความประสงค์จะให้เราไปทำความสะอาดที่วัดไหนก็แจ้งมา เราก็ยินดีจะไปทำ ในนามของยุวพุทธิกสมาคมก็อยากจะขอขอบคุณทุนวิจิตรพงศ์พันธุ์ที่ได้ให้ความสนับสนุนกับกิจกรรมของสมาคมที่เป็นประโยชน์แก่มหาชนตลอดระยะเวลา 8 ปี ที่ผ่านมา ในแต่ละปีคนที่ได้รับประโยชน์จากกองทุนนี้ไม่ต่ำกว่าหลายพันคน ซึ่งก็จะมาในรูปแบบการเผยแพร่ธรรมะในโครงการต่าง ๆ ซึ่งมีมากกว่า 200 โครงการในแต่ละปี
คุณวัชร เดโชพลชัย ครูผู้นำจากโครงการของมูลนิธิทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ (Teach for Thailand) ที่รับสมัครผู้นำการเปลี่ยนแปลง โดยครูกลุ่มนี้จะมีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตนักเรียนและชุมชนให้ดีขึ้น คุณวัชร เล่าถึงการปรับตัวในช่วงวิฤกติโควิด-19 ว่า “ปกติเราทำงานกับเด็กนักเรียนที่มีฐานะยากจน ซึ่งในสถานการณ์โควิดก็มีผลกระทบกับเด็กนักเรียนทุกคนในประเทศไทย โดยมีการเลื่อนการเปิดเทอมเป็นเวลา 6 สัปดาห์ ทำให้คุณครูต้องสอนผ่านออนไลน์ สิ่งหนึ่งที่ Teach For Thailand ทำ คือโครงการ Student Learning in Crisis ซึ่งเป็นโครงการที่ให้คุณครู Teach For Thailand เข้าไปพัฒนานักเรียนในช่วง 6 สัปดาห์ก่อนที่โรงเรียนจะเปิด โดยสิ่งที่ Teach For Thailand ช่วยสนับสนุนคุณครูในโครงการ คือการจัดกิจกรรมอบรมพัฒนาคุณครูผ่านทางไกล ซึ่งทางมูลนิธิก็ปรับตัว โดยจัดการอบรมผ่านระบบออนไลน์ (Online Workshop) แทน ซึ่งได้มีการจัด workshop ทุกวันเสาร์เป็นเวลา 5 เสาร์ เพื่อเตรียมตัวให้คุณครูของเรามีชุดเครื่องมือ และได้มาแลกเปลี่ยนแผนการพัฒนานักเรียน ในช่วงที่คุณครูไม่สามารถเปิดการเรียนการสอนตามปกติได้ อีกเครื่องมือหนึ่งที่ Teach For Thailand สนับสนุนคุณครูในโครงการช่วง New normal คือการสรรหารวบรวมวิธีการพัฒนานักเรียน บนเว็บไซต์ชื่อว่า Constant Learning Website โดยให้คุณครูเข้าไปศึกษาแลกเปลี่ยนวิธีการเรียนการสอนบนเว็บไซต์ ซึ่งในสถานการณ์ความไม่แน่นอนแบบนี้ Teach For Thailand ให้ความสำคัญกับ Innovation
มาก ๆ และต้องขอขอบคุณทุนวิจิตรพงศ์พันธุ์ที่เห็นความสำคัญของการพัฒนาศักยภาพคุณครู เพื่อยกระดับการศึกษาของเด็กไทย ทำให้ Teach For Thailand สามารถทดลอง Innovation ต่าง ๆ ที่จะมาตอบโจทย์นักเรียนและคุณครูในโครงการและคุณครูทั่วประเทศ
นี่เป็นเพียงตัวอย่างจาก 2 องค์กรที่ทุนวิจิตรพงศ์พันธุ์ให้การสนับสนุน จาก 45 องค์กรที่ได้รับความช่วยเหลือในปีนี้ โดยคุณทองมากล่าวทิ้งท้ายว่า “ความตั้งใจของผม จะยังคงมุ่งเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุน ตอบแทนสังคมและประเทศไทย ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสให้มีชีวิตที่ดีขึ้น ลดช่องว่างทางสังคม สนับสนุนความเท่าเทียม เป็นการให้เพื่อส่งต่อความดี ให้สังคมเดินหน้าด้วยความแข็งแกร่งต่อไป”