ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมจากประเทศสมาชิกอาเซียน สำนักงานเลขาธิการอาเซียน และ Ministry of Commerce สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่ง สศก. ได้เข้าร่วมประชุมในฐานะองค์ประกอบผู้แทนไทย ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
การประชุมดังกล่าว ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับแผนการดำเนินการตามประเด็นที่จะเจรจาต่อไปในอนาคต (Future Work Programme) ภายใต้พิธีสารยกระดับความตกลงการค้าเสรีอาเซียน - จีน (ACFTA Upgrading Protocol) ได้แก่ การหารือแนวทางการเปิดตลาดสินค้าเพิ่มเติม การหารือการเปิดเสรีและการคุ้มครองการลงทุน รวมถึงการหารือความร่วมมือในสาขาใหม่ๆ เพื่อยกระดับความร่วมมือ ACFTA อาทิ อุปสรรคทางการค้าที่มิใช่ภาษี และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น และขณะเดียวกันที่ประชุมก็ได้เน้นย้ำถึงถ้อยแถลงร่วมของรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน - จีน ที่ได้แสดงเจตจำนงร่วมกันเพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนระดับโลกและภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในด้านการกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ความมุ่งมั่นในการรักษาตลาดที่เปิดกว้าง การส่งเสริมการอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุนเพื่อรักษาห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงการใช้มาตรการเพื่อกระตุ้นความเชื่อมั่นของตลาดและปรับปรุงเสถียรภาพของเศรษฐกิจในภูมิภาค
รองเลขาธิการ สศก. กล่าวต่อไปว่า สำหรับกรอบความตกลง ACFTA จะช่วยให้ภาคการเกษตรของไทยได้โอกาสในการขยายตลาดการส่งออกสินค้าเกษตรเข้าสู่ตลาดประเทศจีนมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการหารือเพื่อขยายความร่วมมือในด้านวิชาการและการพัฒนาภาคเกษตรของประเทศไทย ตลอดจนประเทศสมาชิกอาเซียนอื่นๆ ด้วย ทั้งนี้ สาธารณรัฐประชาชนจีน นับเป็นประเทศคู่ค้าสินค้าเกษตรอันดับที่ 1 ของไทย ซึ่งระหว่างปี 2560 - 2562 ทั้งสองฝ่ายมีสัดส่วนการค้าสินค้าเกษตรระหว่างกันเฉลี่ยปีละ 284,482 ล้านบาท จำแนกเป็นมูลค่าการส่งออกเฉลี่ยปีละ 219,691 ล้านบาท และมูลค่าการนำเข้าเฉลี่ยปีละ 64,791 ล้านบาท โดยไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้าเฉลี่ยปีละ 154,900 ล้านบาท สินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ ยางธรรมชาติ ทุเรียน และมันสำปะหลัง ส่วนสินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ พืชผักแห้ง สัตว์น้ำแช่แข็ง แอปเปิ้ล เห็ดหูหนู และองุ่นสด เป็นต้น