นางกนกทิพย์ จันทร์พลังศรี ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (TPCH) ประกอบธุรกิจหลักโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียม COD โรงไฟฟ้าชีวมวล ทีพีซีเอช เพาเวอร์1 (TPCH 1) กำลังการผลิต 10 เมกะวัตต์,โรงไฟฟ้าชีวมวล ทีพีซีเอช เพาเวอร์2 (TPCH 2) กำลังการผลิต 10 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าชีวมวล ทีพีซีเอช เพาเวอร์ 5 (TPCH 5) กำลังการผลิต 6 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะสามารถ COD ภายในไตรมาส 3 ของปีนี้ และจะช่วยผลักดันกำลังการผลิตไฟฟ้าชีวมวลเพิ่มเป็น 109 เมกะวัตต์ ส่วนโรงไฟฟ้าขยะ สยาม พาวเวอร์ (SP) กำลังการผลิต 8.0 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถจ่ายไฟฟ้าได้ภายในครึ่งหลังของปีนี้
“เราคาดว่า จะสามารถ COD โรงไฟฟ้าชีวมวล TPCH 1, TPCH 2 และ TPCH 5 ได้ภายในไตรมาส 3 ของปีนี้ ขณะนี้ มีความพร้อมเกือบ 100% รอเพียงเจ้าหน้าที่วิศวกรจากต่างประเทศ เดินทางมาเพื่อตรวจโครงการเท่านั้น และจากการ COD โรงไฟฟ้าชีวมวลทั้ง 3 แห่ง จะส่งผลให้มีกำลังการผลิตรวมเฉพาะโรงไฟฟ้าชีวมวล 109 เมกะวัตต์ จากเดิม 83 เมกะวัตต์ มั่นใจช่วยผลักดันผลประกอบการของบริษัทฯ เติบโตได้ในระยะยาว”นางกนกทิพย์กล่าว
ด้านนายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (TPCH) กล่าวว่า สำหรับแผนการดำเนินงานในอนาคต บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายจะมีใบอนุญาตในการขายไฟฟ้า (PPA) ทั้งโรงไฟฟ้าชีวมวล ชีวภาพ และโรงไฟฟ้าขยะ ให้ครบ 250 เมกะวัตต์ แบ่งออกเป็นโรงไฟฟ้าชีวมวล ชีวภาพ 200 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 110 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าขยะที่ 50 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ที่ 10 เมกะวัตต์ จากการเข้าร่วมประมูลโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน เพื่อเศรษฐกิจฐานราก และโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังมองหาโอกาสการขยายการลงทุนใหม่ๆ เพื่อผลักดันให้รายได้ กำไรให้เติบโตอย่างยั่งยืน
"บริษัทฯ มีความพร้อมในการเข้าร่วมประมูลโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาโครงการฯ และรอความชัดเจนจากภาครัฐ ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน คาดว่า จะเห็นความชัดเจนเพิ่มมากขึ้นในปีนี้ นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้มีการศึกษาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนอีกหลายแห่ง ซึ่งทางบริษัทฯ มีโอกาสพิจารณาการเข้าร่วมทุนหรือซื้อกิจการ ทั้งโครงการที่ดำเนินการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ โครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา และโครงการที่ได้รับใบอนุญาตซื้อขายไฟฟ้าเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้ อยู่ระหว่างการศึกษาผลตอบแทนของแต่ละโครงการ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการเติบโตในอนาคตได้อย่างมั่นคง” นายเชิดศักดิ์กล่าวในที่สุด
สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2563 มีรายได้รวมอยู่ที่ 832.41 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 178.65 ล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 2/63 มีรายได้รวมอยู่ที่ 439.05 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 92.93 ล้านบาท
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไรสุทธิสำหรับงวด 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2563 โดยจ่ายเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.088 บาทต่อหุ้น ซึ่งการจ่ายเงินปันผลดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัท โดยกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลระหว่างกาล (Record Date) ในวันที่ 21 สิงหาคม 2563 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 3 กันยายน 2563