เปิดแนวคิดผู้นำเอสซีจี ปรับกลยุทธ์ พลิกเกมรบฝ่าวิกฤตโควิด-19 ตั้งรับเผื่อสถานการณ์เลวร้าย พร้อมรุกหาโอกาสทางธุรกิจยุค New normal

จันทร์ ๑๐ สิงหาคม ๒๐๒๐ ๐๘:๕๓
วิกฤตการณ์ไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบรวดเร็วและรุนแรง ทำให้ภาคธุรกิจทั้งขนาดเล็กและใหญ่ต้องดิ้นรนปรับตัวฝ่าความท้าทาย เพื่อให้อยู่รอดและสามารถกลับมายืนได้อย่างแข็งแกร่ง

นับเป็นอีกหนึ่งพายุลูกใหญ่ที่ท้าทายองค์กรขนาดใหญ่อย่างเอสซีจี แต่ผู้นำองค์กร “รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส” กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี ได้นำทัพพนักงานกว่า 50,000 คน ก้าวข้ามวิกฤตด้วยการปรับตัวให้สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ จนทำให้ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2563 ของเอสซีจีมีผลกำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 33 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจโลก

“ในช่วงที่ต้องเผชิญกับภาวะวิกฤตจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 แม้เอสซีจีจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบโดยตรง เช่น ธุรกิจท่องเที่ยวและสายการบิน แต่บริษัทได้ติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากเหตุการณ์มีความไม่แน่นอนสูง เพื่อให้สามารถปรับตัวและเตรียมแผนการรองรับได้ทันท่วงที สำหรับประเทศไทย โอกาสฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วไม่ง่ายนัก หลายภาคส่วนผ่านจุดที่แย่ที่สุดมาแล้ว แต่สถานการณ์นี้ยังไม่จบ จึงถึงจุดที่ต้องมาวางแผน แต่แผนนั้นจะได้ทำจริงหรือต้องปรับเปลี่ยน ก็ต้องประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ในขณะที่หลายคนกังวลว่าจะมีการระบาดซ้ำรอบที่ 2 หรือไม่ ซึ่งหากเกิดขึ้นก็จะมีผลกระทบรุนแรงและยาวนานมากขึ้น หลายประเทศจึงกลับมาดูเรื่องกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่จะช่วยให้ประเทศก้าวต่อไปได้” รุ่งโรจน์กล่าว

คุมเข้มมาตรการบริหารความต่อเนื่องของธุรกิจ พร้อม “รับ-รุก” ทุกสถานการณ์

“การจัดวางสมดุลระหว่างความเป็นอยู่ของคนกับภาคธุรกิจ” คือวิธีคิดการบริหารธุรกิจภายใต้แรงกดดันในภาวะวิกฤตของแม่ทัพใหญ่ โดยมุ่งขับเคลื่อนธุรกิจให้สามารถดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง (Business Continuity Management-BCM) รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ พร้อมกับแสวงหาโอกาสจากความต้องการใหม่ ๆ ในตลาด หลังจากที่ผู้บริโภคเริ่มมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ทั้งการสั่งอาหารและซื้อสินค้าผ่านออนไลน์ รวมถึงความใส่ใจดูแลสุขอนามัยที่เพิ่มขึ้น

“วิกฤต 3 เดือนที่ผ่านมากระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของคน รวมทั้งภาคเศรษฐกิจทั้งโลกแทบหยุดชะงัก เอสซีจีได้เตรียมพร้อมรับมือหากสถานการณ์เลวร้ายที่สุด (Prepare for the Worst) เช่น การเตรียมการขายและการขนส่งล่วงหน้า หากมีการปิดเมือง และวางแผนหาโอกาสทางธุรกิจที่เข้ามาได้ทุกเมื่อ (Plan for The Best) เช่น การปรับกำลังการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น ควบคู่กับการนำเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Transformation) มาใช้ ซึ่งในส่วนนี้ เอสซีจีได้ปรับและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ มาแล้วอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้สามารถพัฒนาและนำเสนอนวัตกรรมสินค้า บริการ และโซลูชันที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ทันท่วงที และทำให้เราตระหนักว่า ความพยายามในการทำดิจิทัลทรานสฟอร์มเมชันของเอสซีจีมาถูกทาง และยิ่งต้องทำต่อให้เร็วและเข้มข้นมากขึ้น”

ปรับกลยุทธ์ 3 กลุ่มธุรกิจ รับความท้าทายยุค New Normal

ในช่วงวิกฤตโควิด-19 มีการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซและการสั่งอาหารออนไลน์เพิ่มขึ้น ทำให้ความต้องการบรรจุภัณฑ์เพิ่มขึ้น ธุรกิจแพคเกจจิ้ง ถือเป็นธุรกิจที่มีโดดเด่นและมีโอกาส เอสซีจีจึงสร้างโอกาสเติบโตด้วยการขยายธุรกิจด้วยและการควบรวมกิจการ (Merger & Partnership) ร่วมกับ PT Fajar Surya Wisesa Tbk. ผู้นำธุรกิจกระดาษบรรจุภัณฑ์ในอินโดนีเซีย และ Visy Packaging (Thailand) Limited รวมถึงการวางแผนการลงทุนขนาดใหญ่ใน Bien Hoa Packaging Joint Stock Company หรือ SOVI ในเวียดนาม ซึ่งเป็นกลยุทธ์เพื่อสร้างฐานให้แข็งแกร่งรองรับการเติบโตครอบคลุมทั้งภูมิภาคอาเซียน

ในขณะที่อีกหลายธุรกิจต้องดำเนินงานด้วยความท้าทายท่ามกลางสภาวะตลาดที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ธุรกิจเคมิคอลส์ ได้พลิก “วิกฤตเป็นโอกาส” ด้วยการดูแลความปลอดภัยให้แก่ทั้งพนักงานและลูกค้า ตลอดจนการควบคุมคุณภาพและความสะอาดของวัตถุดิบและสินค้า ขณะเดียวกัน ก็บริหารจัดการสินค้าให้มีความยืดหยุ่น จึงทำให้สามารถเดินหน้าการผลิตได้อย่างเต็มที่ และตอบสนองกับความต้องการของตลาดที่ต้องการสินค้าเคมีภัณฑ์สำหรับการผลิตเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ขาดแคลนทั่วโลกได้อย่างทันต่อสถานการณ์ ในขณะที่ความต้องการสินค้าเคมีภัณฑ์สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ลดลง

สำหรับธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ที่แม้ต้องเผชิญกับภาวะที่อสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว แต่เอสซีจีได้ปรับรูปแบบการนำเสนอสินค้า บริการและโซลูชัน ด้วยการเชื่อมต่อช่องทางออนไลน์ SCGHOME.COM กับเครือข่ายร้านค้าของ SCG HOME ทั่วประเทศในรูปแบบ Active Omni-channel เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ให้สามารถสอบถาม ขอรับคำปรึกษา และเลือกซื้อสินค้าได้ทุกช่องทาง รวมทั้งนำเสนอแพลทฟอร์มเพื่อสร้างความสะดวกสบายให้กับลูกค้าเจ้าของบ้าน ทำให้การสร้างบ้านไม่สะดุดแม้ในช่วงโควิด-19 อีกทั้งเอสซีจียังได้เข้าไปเชื่อมต่อการบริการโซลูชันงานโครงสร้างให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ รายย่อย (SMEs) ภายใต้บริการ “CPAC Smart Structure” ช่วยลูกค้าลดต้นทุนการก่อสร้าง ทั้งยังเพิ่มความสะดวก รวดเร็ว และช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

รุ่งโรจน์ เพิ่มเติมว่า “สิ่งสำคัญคือ ต้องวิเคราะห์ว่า ธุรกิจของเรามาถึงจุดไหน ผลกระทบที่เกิดกับเราต่างจากคนอื่นอย่างไร คู่แข่งเป็นอย่างไร ผลกระทบกับอุตสาหกรรมเป็นอย่างไร ซึ่งการตอบสนองของแต่ละองค์กรไม่เหมือนกัน หากเปรียบวิกฤตก็เหมือนกับพายุ เมื่อเจอพายุ เราต่างอยู่บนเรือคนละลำ อยู่กันคนละกลุ่มอุตสาหกรรม จะเอาแนวปฏิบัติหนึ่งไปแก้ปัญหาอีกสิ่งหนึ่งไม่ได้ จึงต้องหาโซลูชันของตัวเอง ต้องมีการวางแผนเรื่องเวลาและการลงมือปฏิบัติให้รวดเร็วทันต่อสถานการณ์”

อีกบทพิสูจน์หนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการนำพาองค์กรปรับตัวฝ่าวิกฤตในครั้งนี้ได้ คือ การที่เอสซีจีได้เร่งพัฒนานวัตกรรมป้องกันโควิด-19 จำนวน 31 นวัตกรรม เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ได้เป็นอย่างดี โดยได้เชื่อมโยง 125 เครือข่าย ให้เป็นผู้สนับสนุนและกระจายความช่วยเหลือไปยัง 847 โรงพยาบาลและหน่วยงานทั่วประเทศ ได้อย่างรวดเร็วทันต่อความต้องการของสังคมในช่วงที่สถานการณ์กำลังวิกฤต

“น้ำ” พื้นฐานสำคัญช่วยโครงสร้างเศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง

รุ่งโรจน์เสริมต่อว่า “น้ำ เป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ในขณะเดียวกัน น้ำ ก็ถือเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศที่ส่งผลกระทบทั้งภาคประชาชน สังคม รวมถึงภาคธุรกิจ ซึ่งประเทศไทยประสบทั้งภัยแล้งและน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง ความท้าทายคือ การลงทุนบริหารจัดการเรื่องน้ำตั้งแต่ต้นทาง โดยขอเร่งให้ภาครัฐมีมาตรการบริหารจัดการน้ำของประเทศอย่างจริงจังใน 3 มิติ ทั้งการเก็บน้ำ การจัดหาและกระจายการใช้น้ำอย่างทั่วถึง ตลอดจนการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการสร้างการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาอย่างบูรณาการทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อแก้ปัญหาและรองรับกับปัญหาในอนาคต”

กุญแจสำคัญของการเอาชนะวิกฤตขององค์กรกว่าร้อยปีแห่งนี้ ที่ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับพายุอันเลวร้ายเพียงใด คือ ความพร้อมปรับตัวให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลง พร้อมทั้งวางแผนบริหารจัดการความต่อเนื่องของธุรกิจ เพื่อให้สามารถฝ่าฟันความท้าทายให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด เพื่อรักษาเสถียรภาพของธุรกิจ ในขณะเดียวกันก็มองหาโอกาสในการต่อยอดสู่ธุรกิจ ควบคู่กับการมีบทบาทในการดูแลและช่วยเหลือสังคม เพื่อให้สังคมและองค์กรสามารถอยู่รอดและเติบโตไปพร้อมกันได้อย่างยั่งยืน

ผู้สนใจสามารถติดตามข่าวสารอื่นๆ ของเอสซีจีได้ที่ https://scgnewschannel.com / Facebook: scgnewschannel / Twitter: @scgnewschannel หรือ Line@: @scgnewschannel

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๓:๒๔ แจกจริง! แบรนด์ซุปไก่สกัดส่งมอบรถเทสล่า มูลค่า 1.649 ล้านบาท ให้ผู้โชคดี ในแคมเปญ ดื่มแบรนด์ สแกนเลขในขวด ปี
๑๓:๕๐ GFC ตอบโจทย์ทุกความปลอดภัยเรื่องอาคาร - ถังแช่แข็งตัวอ่อน เปิดให้บริการสำหรับผู้มีบุตรยากตามปกติครบ 3
๑๓:๕๗ KJL ลุยภาคใต้! จัดใหญ่สัมมนา 'รวมพลคนไฟฟ้า ON TOUR' ที่ภูเก็ต
๑๒:๐๐ แว่นท็อปเจริญ จับมือ กรมกำลังพลทหารบก แนะแนวการศึกษาและอาชีพ สร้างโอกาสแก่ทหารกองประจำการและครอบครัว
๐๒ เม.ย. AnyMind Group คว้ารางวัล Gold ในงาน Martech Innovation Awards 2025
๐๒ เม.ย. โชว์พลังดีไซน์ไทยในงาน STYLE Bangkok 2025 รวมแบรนด์ดาวรุ่งจาก Talent Thai และ Designers' Room ที่คุณไม่ควรพลาด
๐๒ เม.ย. ธนาคารกสิกรไทย จัดสัมมนาใหญ่ K WEALTH Forum: เจาะลึก 5 ปัจจัยเปลี่ยนเกมการลงทุนโลก
๐๒ เม.ย. PSP ปิดดีลทุ่ม 409.5 ลบ. ถือหุ้นใน รีไซเคิล เอ็นจิเนียริ่ง (RE) ปักหมุดธุรกิจสู่ศูนย์กลางรีไซเคิลสารเคมีแห่งภูมิภาค
๐๒ เม.ย. กลุ่มซีไอเอ็มบี เปิดรับสมัครสอบชิงทุน CIMB ASEAN Scholarship 2025 ทุนเรียนต่อปริญญาตรี - ปริญญาโท พร้อมโอกาสร่วมงานกับกลุ่มซีไอเอ็มบี
๐๒ เม.ย. ศูนย์การค้าเครือเอ็ม บี เค เปิดพิกัดจุดสรงน้ำพระ เสริมสิริมงคลกับเทศกาล สงกรานต์อิ่มบุญ