คุณศุภนุช ชือรัตนกุล (ครูเบล) ครูติวสอบเข้า AEIS ที่ 1 ของการเรียนประเทศสิงคโปร์ เปิดเผยว่า ทฤษฎี Modeling คือการแปลงปัญหาที่เกิดขึ้นจริงให้อยู่ในรูปของสมการคณิตศาสตร์ เพื่อให้ง่ายต่อการวิเคราะห์และสามารถปฏิบัติได้จริง เพื่อแก้โจทย์คณิตศาสตร์ในแบบทำความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาต่าง ๆ หรือโจทย์ที่ได้รับมาและปรับเปลี่ยนปัญหาเหล่านั้นให้อยู่ในรูปของคณิตศาสตร์ เช่น ถ้าจะแบ่งสติกเกอร์ หรือ แบ่งผลไม้ จะแบ่งกันเท่าไร ผลลัพธ์เมื่อแบ่งไปแล้วได้เท่าไร เป็นต้น ซึ่งการทำข้อสอบแบบ Modeling จะเป็นการให้เด็กวาดรูปออกมาเป็นกล่อง ๆ แล้วหาผลลัพธ์เป็นยูนิต
การฝึกทำข้อสอบคณิตศาสตร์แบบ Modeling เป็นวิธีที่โรงเรียนของรัฐบาลสิงคโปร์ใช้สอนกับเด็กเล็ก ส่วนโจทย์ที่เป็นสมการจะเรียนก็ต่อเมื่อเด็กโตแล้ว หรือในชั้นสูง ๆ ขณะที่เด็กไทยได้เรียนคณิตศาสตร์แบบสมการตั้งแต่ชั้นเด็กเล็ก ซึ่งหากเด็กคนไหนไม่เข้าใจสมการและไม่สามารถแก้โจทย์ ก็จะทำให้เด็กมีความรู้สึกที่ไม่ดีกับวิชาคณิตศาสตร์ตั้งแต่ต้นและสะสมความรู้สึกไม่ชอบมาเรื่อย ๆ จนเด็กโต อย่างไรก็ตามการที่จะพัฒนาทักษะเด็กให้เก่งคณิตศาสตร์นั้น ต้องให้เด็กฝึกทำข้อสอบแบบ Modeling ตั้งแต่ 7 ขวบ ถึงอายุ 14 ปี ก่อน โดยเฉพาะหากเด็กคนนั้นมีเป้าหมายที่จะเข้าโรงเรียนรัฐบาลสิงคโปร์ เพราะด่านแรกที่ต้องผ่านให้ได้คือสนามสอบที่เรียกว่า Admissions Exercise for International Students (AEIS) ระบบการศึกษาของประเทศสิงค์โปร์ โดยรัฐบาลประเทศสิงค์โปร์ออกข้อสอบ
ถามว่าทำไมผู้ปกครองหลายครอบครัวจึงนิยมส่งเด็กไปศึกษาต่อประเทศสิงคโปร์ ข้อดี คือเด็กจะ ได้เรียนรู้ในด้านภาษาอังกฤษ และภาษาจีน เพราะระบบการศึกษาของสิงคโปร์จะสอนให้เด็กคิด วิเคราะห์เชิงลึก และไม่เน้นท่องจำ อีกทั้งประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมหลากหลาย ช่วยให้เด็กมีทักษะและการปรับตัวได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญประเทศสิงค์โปร์อยู่ใกล้กับประเทศไทย การเดินทางสะดวกสบาย ซึ่งหากมีอะไรฉุกเฉิน ผู้ปกครองก็สามารถเดินทางไปหาลูกหลานได้ตลอดเวลา โดยประเทศสิงคโปร์ถือเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยสูง ปลอดมลพิษ สะอาด และวัฒนธรรมของสิงคโปร์ จะสอนให้เด็กรู้จักดูแลรับผิดชอบตนเอง ทั้งในเรื่องการดูแลสุขภาพ การใช้เงิน และสอนให้เด็กกล้าแสดงออกอย่างถูกต้อง
“ การที่เด็กจะเก่งไม่เก่งต้องดูว่าเขามีเป้าหมายไหม เบลไม่ได้ติวเพื่อให้เด็กสอบผ่าน AEIS เพื่อเข้าโรงเรียนของรัฐบาลสิงคโปร์เพียงอย่างเดียว แต่ระหว่างที่เบลสอนเด็ก ๆ หากเห็นว่าเด็กมีความตั้งใจทำอะไร อยากเป็นอะไรในอนาคตเมื่อเขาโตขึ้นก็จะสอนให้เขารู้ว่า A ไป B ของเขาคืออะไร จะเน้นให้เด็กเดินไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้เป็นสำคัญ” ครูเบล กล่าวทิ้งท้าย