ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทานเร่งเดินหน้าสร้างความมั่นคงทางน้ำอย่างยั่งยืนด้วยการขับเคลื่อนแนวทาง “RID No.1 Express 2020” ซึ่งต่อยอดและพัฒนามาจากการดำเนินงานตามแนวทาง RID No.1 ที่กรมชลประทานได้ใช้มาแล้วก่อนหน้านี้และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยในปี 2561 ถึงต้นปี 2563 สามารถพัฒนาศักยภาพในการบริหารจัดการน้ำ พัฒนาแหล่งน้ำเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนได้ 570 ล้านลูกบาศก์เมตร และเพิ่มพื้นที่ชลประทานได้ถึง 1.1 ล้านไร่ มีพื้นที่รับประโยชน์ 5 ล้านไร่ รวมทั้งหมดมีปริมาณน้ำรวม 82,659 ล้านลูกบาศก์เมตร มีพื้นที่ชลประทานรวม 33.9 ล้านไร่ มีพื้นที่รับประโยชน์รวม 27 ล้านไร่ นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาบุคลากรและระบบงานให้ทันสมัยมากขึ้น ส่งผลให้ประชาชนและเกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ทั้งนี้ การดำเนินงานตามแนวทาง “RID No.1 Express 2020” เป็นงานที่กรมชลประทานจะดำเนินการอย่างเร่งด่วนใน 6 ด้าน ได้แก่
เร่งรัดการดำเนินงานโครงการตามพระราชดำริ สนับสนุนงบประมาณในการศึกษา สำรวจ ออกแบบ ก่อสร้าง จำนวน 216 โครงการ โดยเร่งรัดให้แล้วเสร็จภายในปี 2563ส่งเสริมการร่วมทุนภาครัฐและเอกชนในการทำงานชลประทาน โดยพัฒนา ต่อยอด โครงการประชารัฐร่วมทุนภาครัฐและเอกชน (Public-Private Partnerships : PPPs) การปรับปรุง พ.ร.บ.ชลประทาน พ.ศ.2485 ให้แล้วเสร็จ และต่อยอดระบบส่งน้ำและกระจายน้ำระดับแปลง การขุดลอกเพิ่มปริมาณเก็บกักน้ำทั้งประตูระบายน้ำ แก้มลิง อาคารบังคับน้ำผลักดันการพัฒนาระบบแพร่กระจายน้ำในระดับแปลงนาให้ครอบคลุม โดยมุ่งการจัดรูปที่ดินและจัดระบบน้ำเพื่อเกษตรกรรม ซึ่งในปี 2563 ได้มีการกำหนดเป้าหมายและปรับปรุงพื้นที่จัดระบบชลประทานในไร่นา จำนวน 86,300 ไร่ขับเคลื่อนแผนงานรองรับโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยปรับปรุงแหล่งน้ำเดิม 7 แห่ง พัฒนาแหล่งน้ำใหม่ 4 แห่ง เชื่อมโยงแหล่งน้ำและระบบผันน้ำ 4 แห่ง สูบกลับท้ายอ่างเก็บน้ำ 2 แห่ง การป้องกันน้ำท่วม 4 แห่งเร่งรัดการจัดตั้งคณะกรรมการจัดการชลประทาน (JMC) และอาสาสมัครชลประทานให้เต็มพื้นที่ชลประทาน เพื่อให้กลุ่มคนเหล่านี้ช่วยสะท้อนปัญหาในพื้นที่และเป็นกระบอกเสียงให้กับกรมชลประทาน โดยมีเป้าหมายจัดตั้งคณะกรรมการจัดการชลประทาน 26 คณะ ครอบคลุมพื้นที่ชลประทาน 581,435 ไร่ อาสาสมัครชลประทาน 844 คน ครอบคลุมพื้นที่ชลประทาน 2,110,000 ไร่ กลุ่มผู้ใช้น้ำ 1017 กลุ่ม ครอบคลุมพื้นที่ชลประทาน 810,857 ไร่ และกลุ่มบริหารการใช้น้ำชลประทาน 121 กลุ่ม ครอบคลุมพื้นที่ชลประทาน 1,492,330 ไร่เร่งรัดการปรับโครงสร้างหน่วยงานและปรับปรุงระดับตำแหน่งบุคลากรให้สูงขึ้น โดยปรับโครงสร้างการดำเนินงานให้เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบัน เร่งแก้ปัญหางานหยุดชะงัก รวมไปถึงการเร่งพัฒนาบุคลากรให้สามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“กรมชลประทานตระหนักถึงความสำคัญในการขับเคลื่อนภารกิจให้บรรลุ จึงกำหนดแนวทาง RID No.1 ขึ้น และพัฒนาต่อยอดสู่ RID No.1 Express 2020 นับว่าเป็นแนวทางที่ตอบโจทย์ความต้องการของเกษตรกรทุกพื้นที่ ภายใต้เป้าหมายสูงสุด นั่นคือการมุ่งมั่นที่จะสร้างเสถียรภาพด้านการบริหารจัดการน้ำ บรรเทาภัยอันเกิดจากน้ำ เพื่อที่จะให้พี่น้องเกษตรกร และประชาชนชาวไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และเศรษฐกิจของประเทศมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง” ดร.ทองเปลว กล่าว