สำหรับการขับเคลื่อนโครงการ SBTP ครั้งนี้ ธนาคารมีเป้าหมายช่วยเหลือและสนับสนุนเอสเอ็มอีไทยอย่างน้อย 150 ราย ให้สามารถนำดิจิทัล โซลูชันไปใช้ปรับเปลี่ยนธุรกิจและให้เห็นผลลัพธ์เชิงบวกที่สำคัญ เช่นเดียวกับเอสเอ็มอี 15 บริษัทที่เข้าร่วมโครงการในปีแรก (2562) ที่สามารถเพิ่มรายได้ ลดต้นทุน ตลอดจนปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจต่างๆ รวมถึงสร้างทัศนคติและความคิดดิจิทัลให้เกิดขึ้นในองค์กร
เอสเอ็มอีที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ SBTP จะสามารถประเมินความต้องการด้านเทคโนโลยีด้วยตนเองโดยใช้เครื่องมือวิเคราะห์ธุรกิจของเดอะ ฟินแล็บ อาทิ Digital Needs Assessment Test และ Digital Solutions Advisory Quiz โดยผลที่ได้จากการประเมินและการตอบคำถามจะช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สามารถระบุและจัดลำดับความสำคัญของความต้องการทางธุรกิจที่ต้องได้รับการปรับเปลี่ยนสู่ดิจิทัลจากนั้นเอสเอ็มอีจะได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับกลยุทธ์ในการปรับเปลี่ยนธุรกิจสู่ดิจิทัล รวมถึงวิธีการแก้ไขปัญหาทางด้านธุรกิจที่เผชิญอยู่ และจะได้รับการจับคู่กับผู้ให้บริการโซลูชันและเทคโนโลยีทางด้านธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ เอสเอ็มอี ที่เข้าร่วมโครงการ ยังสามารถเข้าถึงความรู้จากผู้เชี่ยวชาญจากอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อเรียนรู้การตลาดดิจิทัล กลยุทธ์ด้านอีคอมเมิร์ซ การเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทางธุรกิจ การบริหารจัดการด้านการเงิน รวมถึงเรียนรู้เกี่ยวกับเครื่องมือดิจิทัล จากผู้ให้บริการโซลูชันผ่านกิจกรรม การสัมมนาออนไลน์ (Webinars) และ การฝึกอบรม (Workshop) ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกเดือน
นางสาวปิยพร รัตน์ประสาทพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ เครือข่ายสาขาและบริการดิจิทัล ธนาคารยูโอบี (ไทย) กล่าวว่า “เอสเอ็มอีที่ได้เข้าร่วมโครงการ SBTP เมื่อปีที่แล้ว ได้รับประโยชน์จากการปรับเปลี่ยนองค์กรธุรกิจของตนไปสู่รูปแบบดิจิทัลอย่างเห็นได้ชัด อาทิ แนปปี้ เบบี้ (Nappi Baby) ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กครบวงจร ผลิตจากมัสลินใยไผ่ ผ้าอ้อมสาลู ได้นำดิจิทัลโซลูชันด้านโลจิสติกส์และอีคอมเมิร์ซมาปรับใช้ในองค์กร ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มสูงขึ้นถึง 150% ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ อีกทั้งสามารถลดต้นทุนได้มากถึง 30% ในขณะที่ภาคธุรกิจโดยรวมกำลังเผชิญกับภาวะวิกฤตโควิด-19 และในการนำ The FinLab Online มาใช้ขับเคลื่อนโครงการในปีนี้ เราหวังว่าจะช่วยให้ เอสเอ็มอีไทยเข้าถึงโอกาสในยุคดิจิทัลและเอาชนะความท้าทายได้มากขึ้น”
จากผลการประเมินองค์กรธุรกิจเอสเอ็มอีในภูมิภาคอาเซียน เมื่อเร็ว ๆ นี้พบว่าร้อยละ 60 ของเอสเอ็มอีที่ร่วมตอบแบบสอบถามให้ความสำคัญกับการปรับกลยุทธ์ไปสู่การเป็นองค์กรดิจิทัลมากขึ้น สำหรับในประเทศไทย เอสเอ็มอี 7 ใน 10 รายให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านเทคโนโลยีเป็นอันดับต้น ๆ ซึ่งโครงการ SBTP จะเข้ามาตอบโจทย์เอสเอ็มอี ในการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลและเรียนรู้เครื่องมือที่เป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนธุรกิจให้มีศักยภาพเพื่อก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง
นางสาวพอลลีน ซิม หัวหน้ากลุ่มงาน เดอะ ฟินแล็บ กล่าวว่า “เอสเอ็มอี มีความต้องการความรู้และกลยุทธ์ออนไลน์เฉพาะทางที่จะเข้ามาช่วยพัฒนาธุรกิจให้สามารถเติบโต ในฐานะองค์กรดิจิทัล The FinLab Online พร้อมที่จะช่วยให้เอสเอ็มอีไทยที่เข้าร่วมโครงการ SBTP สามารถเข้าถึงเนื้อหา แหล่งข้อมูลและเครื่องมือธุรกิจ ผ่านทางแพลตฟอร์มของเดอะ ฟินแล็บ เพื่อเป็นประโยชน์ในการต่อยอด จัดลำดับความสำคัญของการก้าวสู่ธุรกิจดิจิทัล การเลือกใช้โซลูชันที่เหมาะสม ซึ่งก้าวแรกของการไปสู่ธุรกิจดิจิทัลนับเป็นก้าวที่ยากที่สุดแต่เราพร้อมสนับสนุนเอสเอ็มอีไทยผ่านเครือข่ายที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีให้ก้าวไปสู่ความสำเร็จได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้”
ด้วยเครื่องมือและโปรแกรมต่างๆ ของ The FinLab Online ที่ผ่านการทดลองและพิสูจน์แล้วว่าสามารถช่วยเอสเอ็มอีปรับเปลี่ยนองค์กรสู่ดิจิทัลได้จริง เอสเอ็มอีที่เข้าร่วมโครงการ SBTP ในปีที่ 2 จะสามารถเข้าไปเรียนรู้เพื่อปรับเปลี่ยนธุรกิจได้ด้วยตนเองจากทุกที่ ทุกเวลา โดยภายใต้โครงการได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนจากพันธมิตรชั้นนำที่จะมาให้คำปรึกษาคำแนะนำเฉพาะทาง รวมถึงการเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อสนับสนุนการปรับเปลี่ยนองค์กรไปสู่ดิจิทัลได้ ได้แก่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย (ATSI) ที่ได้เข้าร่วมเสริมทัพสร้างความแข็งแกร่งให้กับเอสเอ็มอีไทยในปีนี้
สำหรับเอสเอ็มอีที่มีความต้องการและความพร้อมปรับธุรกิจสู่ดิจิทัล สามารถสมัครเข้าร่วมโครงการ SBTP ได้ทางเว็บไซต์ www.thefinlab.com/thailand และยังสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมการสัมมนาออนไลน์ครั้งแรกจะจัดขึ้นในหัวข้อ “การปรับเปลี่ยนเอสเอ็มอีไทยไปสู่องค์กรดิจิทัล” ในวันที่ 20 สิงหาคม 2563 นี้
เกี่ยวกับธนาคารยูโอบี (ประเทศไทย)
ธนาคารยูไนเต็ด โอเวอร์ซีส์ จากัด ประเทศไทย (กลุ่มธนาคารยูโอบี) เป็นธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในประเทศไทย มีเครือข่ายทั่วประเทศ 154 สาขาและเครื่องเบิกเงินสดอัตโนมัติ 410 เครื่อง (ข้อมูลถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2563) ยูโอบีเป็นธนาคารชั้นนาในภูมิภาคเอเชีย มีเครือข่ายระดับโลกที่ประกอบด้วยสานักงานมากกว่า 500 แห่ง ใน 19 ประเทศและเขตการปกครอง ทั้งในเอเชียแปซิฟิก ยุโรปตะวันตก และอเมริกาเหนือ กลุ่มธนาคารยูโอบี มีสินค้าและบริการด้านการเงิน โดยยึดความต้องการของลูกค้าเป็นหัวใจในการให้บริการ ธนาคารยูโอบี (ประเทศไทย) ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในลำดับ AAA โดยฟิทช์ เรทติ้งส์
เกี่ยวกับ เดอะ ฟินแล็บ
เดอะ ฟินแล็บ (The FinLab) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2558 เป็นองค์กรส่งเสริมการสร้างสรรค์นวัตกรรม ขับเคลื่อนโดยธนาคารยูไนเต็ดโอเวอร์ซีส์ (ยูโอบี) และเอสจีอินโนเวท ทำหน้าที่บ่มเพาะสตาร์ทอัพกลุ่มฟินเทค (FinTech) ให้สามารถพัฒนาและเติบโตได้ในยุคดิจิทัล เมื่อปี 2561 เดอะ ฟินแล็บ ได้ขยายขอบเขตการดำเนินงานเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) และสตาร์ทอัพสำหรับการปรับเปลี่ยนธุรกิจสู่ดิจิทัล และในปี 2562 เดอะ ฟินแล็บ ได้ขยายโครงการไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียน เพื่อตอบสนองความต้องการของเอสเอ็มอีในภูมิภาคนี้ และให้บริการแก่ฐานลูกค้าเอสเอ็มอีของธนาคารยูโอบีซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมาก ปัจจุบัน เดอะ ฟินแล็บ เปิดดำเนินงานใน 3 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่องค์กรธุรกิจในอาเซียน ด้วยการเชื่อมโยงธุรกิจเหล่านี้เข้ากับผู้เชี่ยวชาญภาคอุตสาหกรรมที่จะคอยให้คำแนะนำ และนำเสนอโซลูชั่นเทคโนโลยีที่เหมาะสมเพื่อผลักดันการเติบโตของธุรกิจ เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และพัฒนาธุรกิจให้ประสบความสำเร็จในระยะยาว
ในปี 2563 ได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม เดอะ ฟินแล็บ ออนไลน์เพื่อขยายโอกาสให้องค์กรธุรกิจต่างๆ เข้าถึงความรู้ เครื่องมือ และทรัพยากรจากเครือข่ายระดับภูมิภาคของเดอะ ฟินแล็บ ซึ่งได้รับการจัดตั้งขึ้นอย่างแข็งแกร่งตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา