เมื่อเร็ว ๆ นี้ ธนาคารซิตี้แบงก์ พร้อมด้วยองค์กรชั้นนำระดับประเทศ ได้แก่ ลอรีอัล ประเทศไทย ลาซาด้า ประเทศไทย และไลน์ ประเทศไทย ร่วมจัดสัมมนาออนไลน์ครั้งพิเศษในหัวข้อ “เทรนด์ความปกติในรูปแบบใหม่ที่เปลี่ยนไปหลังโควิด-19“ (New Normal Trends – Changes in Post COVID-19) โดยการนำระบบเทคโนโลยีดิจิทัล โซลูชั่น มาช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการและภาคธุรกิจให้สามารถดำเนินธุรกิจข้ามวิกฤตโควิด-19 ที่เกิดขึ้น โดยมีลูกค้ากว่า 130 คน จาก 74 บริษัท เข้าร่วมรับฟัง
คุณวรท หงุ่ยตระกูล ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจบัตรเครดิต ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย กล่าวว่า “จากสถานการณ์การใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงโควิด-19 ได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยส่วนใหญ่เป็นด้านการท่องเที่ยว ทำให้ซิตี้แบงก์ต้องทบทวนแคมเปญการใช้บัตรเครดิตและเปลี่ยนจากการส่งเสริมการขายด้านท่องเที่ยวเป็นด้านอีคอมเมิร์ซและสินค้าอุปโภคบริโภคแทน นอกจากนี้ซิตี้แบงก์ได้นำเสนอโปรแกรมเพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เช่นการลดอัตราดอกเบี้ยสำหรับบัตรเครดิตและสินเชื่อ ควบคู่ไปกับการให้คำแนะนำและเคล็ดลับเกี่ยวกับวิธีการใช้บริการธนาคารและแนะนำคุณสมบัติด้านระบบดิจิทัลใหม่ ๆ ที่จำเป็นในช่วงสถานการณ์ดังกล่าว ที่มาพร้อมฟังก์ชันอำนวยความสะดวกมากมาย เพื่อช่วยผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกรรมให้สะดวกและง่ายดายมากขึ้น โดยไม่ต้องกังวลว่าจะต้องประสบกับวิกฤติทางเศรษฐกิจหรือสถานการณ์ หรือแม้แต่การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีใด ๆ ก็ตามในอนาคต ซิตี้แบงก์ก็จะคอยเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่ให้การสนับสนุนด้านการเงินแก่เหล่าผู้ประกอบการ
นอกจากนี้ซิตี้แบงก์ได้ร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำระดับประเทศมากมาย เช่น ลาซาด้า (Lazada) ไลน์ (LINE) หรือ แกรป (Grab) เพื่อมอบข้อเสนอพิเศษให้กับลูกค้าคนสำคัญ พร้อมให้ความรู้แก่ลูกค้าเกี่ยวกับความปลอดภัยของระบบดิจิทัลและเร่งการเชื่อมต่อกับคู่ค้าอื่น ๆ ผ่าน API เพื่อสร้างการใช้งานที่สะดวกที่สุดสำหรับลูกค้าทุกคน นอกจากนี้ยังกระตุ้นพนักงานในองค์กรด้วยการเปิดตัวคลินิกดิจิทัลและจัดโรดโชว์ในองค์กร โดยสิ่งนี้จะช่วยให้ขับเคลื่อนคนในองค์กรให้สนับสนุนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจให้เป็นดิจิทัลมากขึ้นในอนาคต”
คุณญาดา ศาสตรสาธิต ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ลอรีอัล (ประเทศไทย) กล่าวว่า “สถานการณ์ที่ทุกคนเผชิญอยู่นี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของการใช้ระบบเทคโนโลยี ซึ่ง ลอรีอัล ถือว่าอยู่ในกลุ่มธุรกิจที่ให้ความสำคัญในเรื่องของดิจิทัล โดยเราได้พยายามสร้างการเชื่อมต่อกับผู้บริโภคทั้งในช่องทางออนไลน์และออฟไลน์รวมถึงการแนะนำเครื่องมือด้านความงามที่แตกต่างให้กับผู้บริโภคชาวไทย
โดยในช่วงล็อคดาวน์ ลอรีอัลได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในพฤติกรรมของผู้บริโภคโดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริโภคเพื่อความงาม ผู้บริโภคให้ความสำคัญเรื่องความงามน้อยลง ดังนั้นในฐานะผู้นำด้านความงามลอรีอัลจึงได้ริเริ่มแคมเปญ 'Back to Beauty' โดยร่วมมือกับพันธมิตรทั้งออนไลน์และออฟไลน์ โดยใช้ความเชี่ยวชาญในสื่อดิจิทัลผ่านด้านข้อมูลและบริการเพื่อเพิ่มประสบการณ์ผู้บริโภค นอกจากนี้ยังหารือร่วมกับกับกรมอนามัยเพื่อสนับสนุนร้านเสริมสวยและชุมชนเกี่ยวกับมาตรการด้านสุขอนามัยเพื่อปกป้องตนเองและผู้บริโภคอีกด้วย”
คุณภารดี สินธวณรงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด ลาซาด้า ประเทศไทย เผยว่า “พฤติกรรมการช็อปปิ้งของผู้บริโภคเปลี่ยนจากออฟไลน์เป็นออนไลน์มากขึ้นในช่วงที่มีการระบาดใหญ่ และการช็อปปิ้งออนไลน์ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของความปกติในรูปแบบใหม่ โดยตั้งแต่เดือนมีนาคม ลาซาด้าได้เห็นผู้ซื้อรายใหม่หลายล้านคนใช้แพลตฟอร์มเราในประเทศไทยและจำนวนผู้ขายรายใหม่เพิ่มขึ้นมากกว่า 75% ตัวชี้วัดการขายทั้งหมดแสดงแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาจากจำนวนรายได้ของทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย นอกเหนือจากการเปิดตัวแคมเปญการตลาดเพื่อช่วยให้ผู้ซื้อประหยัดเงินมากขึ้น บริษัท ยังได้เปิดตัวแพ็คเกจ SME Stimulus เพื่อช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กอย่างน้อย 90,000 รายทั่วประเทศสามารถฝ่าวิกฤตโควิด-19
ปัจจุบันอีคอมเมิร์ซถือเป็นช่องทางสำคัญสำหรับธุรกิจที่จะเติบโตในช่วงความปกติในรูปแบบใหม่นี้ ลาซาด้ามีความยินดีที่จะเห็นร้านค้าออฟไลน์และห้างสรรพสินค้ากลับมาดำเนินการต่อ โดยมีข้อจำกัดและผ่อนคลายลง แล้วก็มีความยินดีที่ได้เห็นแนวโน้มภาพรวมและปริมาณของธุรกิจช็อปปิ้งออนไลน์ที่แข็งแกร่ง ซึ่งหมายความว่าหลายธุรกิจสามารถกระจายช่องทางรายได้ และมีการสร้างช่องทางการหารายได้ที่ยืดหยุ่นมากขึ้นต่อภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ อีกทั้งลาซาด้ายังคงสนับสนุนแบรนด์และผู้ขายของเราอย่างต่อเนื่อง โดยช่วยผลักดันยอดขายออนไลน์ด้วยข้อเสนอและโปรโมชั่นที่น่าสนใจ ตลอดจนการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการมอบประสบการณ์ที่ปลอดภัยและราบรื่นให้กับลูกค้า”
ด้าน คุณกฤษณะ งามสม หัวหน้าฝ่ายธุรกิจโฆษณา ไลน์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ความท้าทายในช่วงโควิด-19 ที่เห็นได้ชัดนั้นเกี่ยวกับประสบการณ์การ Work From Home ของทั้งพนักงานและลูกค้า เนื่องจากไลน์เป็นบริษัทด้านเทคโนโลยี ทำให้เราต้องมีการสื่อสารอย่างมากระหว่างทีมเพื่อหาแนวคิดหรือแนวทางแก้ไขใหม่ ดังนั้นต้องมั่นใจว่าทีมของเราสามารถ Work From Home ได้อย่างราบรื่นและไม่มีปัญหาด้านการสื่อสารระหว่างกัน ส่วนความท้าทายอีกประการหนึ่งสำหรับลูกค้าองค์กรคือการที่ลูกค้าของเราก็ Work From Home เช่นกัน ทำให้เราจำเป็นต้องปรับตัวในการสื่อสารและหาช่องทางการบริหารที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด เพิ่มช่องทางในการให้ข้อมูลและสื่อสารกับลูกค้าให้มากขึ้น ให้ลูกค้าสามารถจัดการแก้ปัญหาได้แม้ว่าจะมีข้อจำกัดในเรื่องของการที่ไม่พบเจอกัน
อีกทั้งในช่วงสถานการณ์โควิด -19 ธุรกิจของไลน์ยังแสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างมากของการใช้งาน มีรายการที่น่าสนใจคือ MyShop, In-LINE Live Viewer และ 1: 1 Chat เพื่อกระตุ้นยอดขาย พบว่าบริษัทขนาดใหญ่มักจะทดลองวิธีใหม่ในการทำธุรกิจและการขาย การใช้การแชทสดและการแชทแบบ 1: 1 เพื่อติดตามและปิดการขายถือเป็นวิธีหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการสร้างรายได้ในช่วงวิกฤต และตามกลยุทธ์ แนะนำให้ธุรกิจต้องมีรากฐานที่แข็งแกร่ง (เช่นจำนวนผู้ติดตามของบัญชีอย่างเป็นทางการจำนวนมาก) พร้อมทั้งขยายขนาดผ่านแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและขับเคลื่อนการสนทนาที่มากขึ้น ซึ่งกระบวนการทั้งหมดของไลน์สร้างขึ้นจากข้อมูลขนาดใหญ่และพร้อมที่จะรองรับความต้องการทางธุรกิจสำหรับทั้งบริษัทขนาดใหญ่และ SMEs”
ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย โทร. 0-2081-0999 หรือ www.citibank.co.th รวมถึงเพิ่ม Citi Thailand เป็นเพื่อนทาง LINE
เกี่ยวกับ “ซิตี้”
ธนาคารชั้นนำของโลก ที่ให้บริการแก่ลูกค้ากว่า 200 ล้านราย ในกว่า 160 ประเทศและเขตปกครองทั่วโลก ซิตี้นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่หลากหลายให้กับลูกค้าบุคคล องค์กร ภาครัฐและสถาบันต่างๆ โดยธุรกิจหลักครอบคลุมการธนาคารและสินเชื่อเพื่อลูกค้าบุคคล (สายบุคคลธนกิจ) ธนาคารเพื่อองค์กรและการลงทุน (สายสถาบันธนกิจและวาณิชธนกิจ) ธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ บริการธุรกรรมทางการเงินต่างๆ รวมถึงบริการบริหารความมั่งคั่ง ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.citibank.co.th | เฟซบุ๊ก: Citi Thailand | LINE: Citi Thailand