นายสิทธิชัย กฤชวิวรรธน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เซเว่น ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ7UP เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯสำหรับงวดไตรมาส 2 ของปี 2563 นี้ สามารถรักษาการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีกำไรสุทธิ 25 ล้านบาท และมีรายได้ 261 ล้านบาท สืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เริ่มคลี่คลายทำให้สถานการณ์ต่าง ๆ ใกล้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ส่งผลให้ความต้องการใช้แก๊สและน้ำมัน ซึ่งเป็นธุรกิจหลักในการสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ มีทิศทางที่ดีขึ้น
ขณะที่ธุรกิจอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม และ Internet of Thing ธุรกิจพลังงานทดแทน ธุรกิจสาธารณูปโภค และธุรกิจกำจัดกากอุตสาหกรรม เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งจะรับรู้รายได้บางธุรกิจเต็มปี ในปี 2563
สำหรับผลประกอบการงวดไตรมาส 2 ยังสามารถรักษาการเติบโต ส่งผลให้งวด 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้รวม 627 ล้านบาท เติบโตในระดับ 32% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีรายได้รวม 475 ล้านบาท และส่งผลให้งวด 6 เดือนของปี 2563 มีกำไรสุทธิ 59 ล้านบาท เติบโตในอัตราสูงถึง 59% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 37 ล้านบาท
“จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 กระทบต่อการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจของประเทศไทยในปีนี้ และยังคาดการณ์ได้ยากถึงจุดสิ้นสุดของวิกฤตที่ภาวะเศรษฐกิจจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ อย่างไรก็ตาม ธุรกิจจำหน่ายแก๊สแอลพีจีและน้ำมัน ซึ่งเป็นธุรกิจหลักในการสร้างรายได้หลักจะได้รับผลกระทบจากมาตรการปิดเมือง และกระแสการทำงานจากบ้าน ทำให้ความต้องการใช้ลดลง แต่โดยรวมแล้วยังเป็นธุรกิจที่ยังจำเป็นสำหรับประชาชนทั่วไปและภาคธุรกิจ ทั้งในด้านการดำเนินธุรกิจ การขนส่งและการคมนาคม ดังจะเห็นได้ว่าผลประกอบการของบริษัทฯในงวดไตรมาส 2 ของปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวมากที่สุด ยังสามารถสร้างการเติบโตได้ และทำให้มีความมั่นใจว่า รายได้ของบริษัทฯในงวดปี 2563 คาดว่าจะเติบโตไม่น้อยกว่า 15% เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้”นายสิทธิชัย กล่าว
ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันไม่ได้กระทบต่อแผนธุรกิจของบริษัทฯ โดยในส่วนของบริษัท แซม วอเตอร์ ซัพพลาย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจปรับปรุงคุณภาพน้ำเพื่อการเลี้ยงกุ้งให้แก่ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) ได้มีแผนขยายกำลังการผลิตและส่งน้ำในเฟส 3 จากเดิมส่งน้ำเป็นจำนวน 64,000 ลบ.ม. ต่อวัน เป็นส่งน้ำเพิ่มขึ้นอีก 40,000 ลบ.ม. ต่อวัน รวมเป็น 104,000 ลบ.ม. ต่อวัน ในอนาคต โดยอยู่ภายใต้ระยะเวลาสัญญาการส่งน้ำ 12 ปี ซึ่งคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงปลายปี 2563 ทั้งนี้ การขยายการดำเนินกิจการดังกล่าวยังได้รับประโยชน์ทางภาษีจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)อีกด้วย
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังคงมองหาโอกาสการลงทุนเพื่อกระจายฐานรายได้และกระจายความเสี่ยง ล่าสุดได้เข้าลงทุนซื้อหุ้นในบริษัท โกลด์ ชอร์ส จำกัด หรือ GS ซึ่งดำเนินธุรกิจพัฒนาระบบสาธารณูปโภคด้านการประปา พื้นที่ดำเนินการโครงการในปัจจุบันผลิตและจำหน่ายน้ำประปาในจังหวัดภูเก็ต คิดเป็นมูลค่า 550 ล้านบาท ภายหลังการเข้าลงทุนในครั้งจะทำให้บริษัทฯ กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน GS สัดส่วน 41%
สำหรับแหล่งเงินลงทุนจะมาจากเงินทุนหมุนเวียน และเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้แปลงสภาพก่อนหน้านี้ มูลค่า 650 ล้านบาท โดยคณะกรรมการบริษัทฯ เล็งเห็นโอกาสในการสร้างรายได้และผลกำไรที่แน่นอนให้กับบริษัทฯในระยะยาว โดยปัจจุบัน GS ให้บริการน้ำประปาในจังหวัดภูเก็ต และ มีแผนขยายการส่งน้ำให้แก่ลูกค้าภาครัฐ ซึ่งคาดว่าจะสามารถขยายการส่งน้ำได้เพิ่มเติมอีก 40,000 ลบ.ม. ต่อวัน ภายในปี 2563 นี้ และ มีแผนจะขยายการให้บริการให้ครอบคลุมพื้นที่อื่นในภาคใต้ที่ขาดแคลนน้ำต่อไป
ลักษณะธุรกิจของ7UP
กลุ่มบริษัทประกอบธุรกิจหลัก 4 ธุรกิจ ได้แก่ 1.) ธุรกิจตัวแทนนายหน้าในการจัดจำหน่าย แก๊ส LPG 2.) ธุรกิจพลังงานทดแทน/พลังงานทางเลือก 3.) ธุรกิจวิทยุสื่อสารโทรคมนาคม และ Internet of Things (IoT) และ4.) ธุรกิจปรับปรุงคุณภาพน้ำสำหรับฟาร์มกุ้ง