นายนาวิน อินทรสมบัติ Chief Investment Officer (รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย จ่ายปันผล 5 กองทุนหุ้นต่างประเทศ ได้แก่ กองทุนเปิดเค ยูโรเปียน หุ้นทุน (K-EUROPE) สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2562 ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2563 ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย กองทุนเปิดเค โกลบอล เฮลท์แคร์ หุ้นทุน (K-GHEALTH) และ กองทุนเปิดเค โกลบอล เฮลท์แคร์ หุ้นทุน Unhedged (K-GHEALTH(UH)) สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2563 ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย กองทุนเปิดเค โกลบอล อีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต ออพพอร์ทูนนิตี้ (K-GEMO) สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2563 ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2563 ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย และ กองทุนเปิดเค ยูเอสเอ หุ้นทุน-A ชนิดจ่ายเงินปันผล (K-USA-A(D)) สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2563 ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2563 ในอัตรา 0.35 บาทต่อหน่วย โดยทั้งหมดมีกำหนดจ่ายปันผลพร้อมกันในวันที่ 14 สิงหาคม 2563 รวมมูลค่าทั้งสิ้น 216.77 ล้านบาท
นายนาวินกล่าวต่อไปว่า แม้ในช่วงที่ผ่านมาภาวะตลาดทั่วโลกมีความผันผวนค่อนข้างสูง แต่ทั้ง 5 กองทุนยังคงบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเห็นได้จากผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุนส่วนใหญ่สามารถเอาชนะตลาดได้ โดยกองทุน K-GEMO, K-EUROPE, K-GHEALTH, K-GHEALTH(UH) และ K-USA-A(D) มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 4.17% ต่อปี, 12.75% ต่อปี, 21.16% ต่อปี, 24.24% ต่อปี และ 35.62% ต่อปี ตามลำดับ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ค. 63) และมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) เฉลี่ยอยู่ที่ 6.73% ต่อปี, 7.12% ต่อปี, 6.79% ต่อปี, 5.28% ต่อปี และ 5.19% ต่อปี ตามลำดับ นอกจากนี้ กองทุน K-EUROPE, K-GHEALTH(UH) และ K-GEMO ยังได้รับการจัดอันดับ Overall Morningstar Rating 5 ดาว ส่วนกองทุน K-GHEALTH และ K-USA-A(D) ได้รับการจัดอันดับ Overall Morningstar Rating 4 ดาว (ที่มา: Morningstar ณ วันที่ 31 ก.ค. 63) ทั้งนี้ การจัดอันดับกองทุน (Morningstar Rating) เป็นวิธีการที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ซึ่งผู้ลงทุนสามารถใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนได้
“สำหรับสถานการณ์การลงทุนทั่วโลกยังคงมีปัจจัยกดดันจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาดการณ์ อย่างไรก็ดี ตลาดยังสามารถประคองตัวได้ โดยได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการผ่อนคลายทางการเงินและการคลังทั่วโลกจึงส่งผลให้มีสภาพคล่องสูง อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนยังคงต้องติดตามประเด็นการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของสหรัฐฯ และประเด็นการทบทวนข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ซึ่งหากไม่เป็นไปตามคาดอาจส่งผลกดดันบรรยากาศการลงทุนได้” นายนาวินกล่าว
นายนาวินกล่าวเพิ่มเติมว่า บลจ.กสิกรไทย มีมุมมองเป็นบวกต่อหุ้นยุโรป จากปัจจัยสนับสนุนทั้งการบรรลุข้อตกลงกองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจ (Recovery Fund) 7.5 แสนล้านยูโร รวมถึงการซื้อพันธบัตรตามโครงการซื้อสินทรัพย์ฉุกเฉินเพื่อรับมือกับโรคระบาด (Pandemic Emergency Purchase Programme: PEPP) 1.35 ล้านล้านยูโร ซึ่งจะช่วยหนุนสภาพคล่องได้ สำหรับมุมมองที่มีต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ หุ้นกลุ่มตลาดเกิดใหม่ และหุ้นกลุ่มธุรกิจดูแลสุขภาพ (Healthcare) แนะนำให้ผู้ลงทุนประเมินสถานการณ์ก่อนเข้าลงทุน โดยมองว่าสหรัฐฯ ยังมีความเสี่ยงจากข้อพิพาทกับจีนที่จะกดดันตลาดเป็นระยะไปจนถึงการเลือกตั้งปลายปี ส่วนกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ยังเป็นภูมิภาคที่พึ่งพาการค้านอกภูมิภาคอยู่มาก การฟื้นตัวจึงค่อนข้างกระจุกตัวอยู่ในประเทศที่พึ่งพาการส่งออกน้อยกว่า อาทิ สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่เน้นการบริโภคภายในประเทศมากขึ้น เป็นต้น ในส่วนของหุ้นกลุ่ม Healthcare ถือได้ว่าได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ค่อนข้างจำกัด โดยบริษัทชั้นนำที่กำลังคิดค้นวัคซีนส่วนใหญ่ได้เข้าสู่ระยะที่ 3 คือ ทดลองวัคซีนในมนุษย์ ซึ่งคาดว่าจะสามารถทราบผลการทดสอบภายในสิ้นปีนี้ ดังนั้น ในระยะสั้นจึงยังมีความผันผวนตามความคืบหน้าของการคิดค้นวัคซีนและยา
สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจกองทุน K-EUROPE, K-GHEALTH, K-GHEALTH(UH), K-GEMO และ K-USA-A(D) สามารถเริ่มต้นลงทุนได้เพียง 500 บาท ผ่าน App K PLUS, K-My Funds, ธนาคารกสิกรไทย หรือ ผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน โดยติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ตามช่องทางดังกล่าว สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888