TITLE มั่นใจหลังเปิดประเทศ ธุรกิจอสังหาฯทางเลือกส่งสัญญานดี ไทยคุมสถานการณ์โควิดได้ดี-กำลังซื้อต่างชาติไหลกลับ อนาคตสดใส พร้อมเสิร์ฟโครงการรอขายกว่าหมื่นล้าน

จันทร์ ๑๗ สิงหาคม ๒๐๒๐ ๑๐:๑๘
TITLE อสังหาฯทางเลือกบนเกาะภูเก็ต ประเมินแนวโน้มธุรกิจหลังเปิดประเทศส่งสัญญาณฟื้นตัวได้ดี หลังไทยคุมสถานการณ์โควิด-19ได้ดีอันดับต้นๆของโลก ส่งผลให้ต่างชาติสนใจกลับมาถือครองอสังหาฯในไทยเพิ่มมากขึ้น ฟาก"ศศิพงษ์ ปิ่นแก้ว" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม มั่นใจอนาคตสดใสเมื่อเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยว หนุนกำลังซื้อต่างชาติกลับมา เชื่อผลประกอบการปีนี้ผ่านจุดต่ำสุด เตรียมพร้อมอัดโปรฯแรงโครงการพร้อมขาย และรอเปิดการขาย มูลค่ากว่า 1หมื่นล้านบาท

นายศศิพงษ์ ปิ่นแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)หรือTITLE เปิดเผยว่าแนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทางเลือกบนเกาะภูเก็ตหลังเปิดประเทศ คาดว่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากการที่ประเทศไทยมีการควบคุมการสถานการณ์ การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้เป็นอย่างดีในอันดับต้นๆของโลก ทำให้ต่างชาติมีมุมมองที่ดีและให้ความสนใจอยากกลับเข้ามาอาศัยในไทยมากขึ้น จึงเชื่อว่ากำลังซื้อของต่างชาติจะฟื้นตัวได้เร็ว หลังจากที่มีการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าออกได้ตามปกติ

"เรารอสถานการณ์คลี่คลาย ซึ่งผลประกอบการไตรมาส 2/63 น่าจะเป็นจุดต่ำสุดแล้ว พร้อมกันนี้ขอให้มั่นใจว่าผลประกอบการที่ขาดหายไปในปี 63 ทั้งหมด จะกลับคืนในปีถัดๆไปอย่างแน่นอน เพราะกำลังซื้อจากต่างชาติที่ต้องการถือครองอสังหาฯในไทย มีสัญญาณที่ดี เนื่องจากมีชาวต่างชาติจำนวนมากกว่าเดิมที่มองว่าไทยสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ดีเป็นอันดับต้นๆของโลก โดยดูได้จากการสมัครสมาชิก อีลิทการ์ดที่ให้สิทธิ์ชาวต่างชาติเข้าและอยู่ไทยได้ 5-20 ปี มียอดสมาชิกเพิ่มขึ้นมากอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นผลมาจากชาวต่างชาติมีความประสงค์เข้ามาถือครองอสังหาฯไทย ถือเป็นบ้านหลังที่สอง เชื่อว่าสามารถฟื้นกำลังซื้อหลังเดินทางเข้าออกได้ตามปกติ"

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมกล่าวว่า ขณะนี้บริษัทฯ มีโครงการที่พร้อมขายและรอการเปิดขายอีกมูลค่ารวมราว 1หมื่นล้านบาท โดยตั้งอยู่บนที่ดินที่มีศักยภาพสูงไม่ว่าจะเป็นบริเวณหาดในยาง หาดบางเทา และหาดราไวย์ โดยเฉพาะหาดในยาง ซึ่งอยู่ห่างสนามบินนานาชาติภูเก็ต เพียง 5 นาที ทำให้มั่นใจว่าเมื่อทุกอย่างเริ่มคลี่คลาย ผลประกอบการจะกลับมาเติบโตอย่างก้าวกระโดดตามเป้าหมายที่ได้วางไว้

ในระหว่างนี้บริษัทฯได้เตรียมการออก campaign เพื่อกระตุ้นการขายในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราคา เงื่อนไขการชำระเงิน ตลอดจนการจัดหาสินเชื่อให้กับลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ ซึ่งจะทำให้ตัดสินใจได้เร็วเพราะเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้น ตอนนี้เหลือเพียงอย่างเดียวคือการรอเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในงวดครึ่งปีแรกของปี 2563 บริษัทฯมีรายได้จากการขายอยู่ที่ 68.82 ล้านบาท และมีผลขาดทุน 19.45 ล้านบาท เนื่องจากลูกค้าหลักที่เป็นชาวต่างชาติ ไม่สามารถเดินทางมาทำธุรกรรมใดๆได้ในขณะนี้ ตามมาตรการล็อกดาวน์ชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ซึ่งถือเป็นสถานการณ์ที่อยู่นอกเหนือการควบคุม

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ