นายเอกรินทร์ เหลืองวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอิร์ธ เท็ค เอนไวรอนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ETCผู้นำโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมครบวงจรแห่งแรกในประเทศไทย กล่าวว่าบริษัทฯ มีความยินดีที่จะรายงานผลประกอบการ ครึ่งปีแรกที่เติบโตขึ้นอย่างชัดเจน โดยมีรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้ารวม 311 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 93% จากรายได้รวม 161 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 85 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 135% จากกำไรสุทธิ 36 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อนและสำหรับงบไตรมาส 2 ประจำปี 2563 ซึ่งบริษัทฯมีรายได้รวม 176 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 105 % จากรายได้รวม 86 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรขั้นต้น 99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 102 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 203 % (QoQ) และ เพิ่มขึ้น 170% (YoY) จากกำไรสุทธิ 23 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยผลประกอบการที่เติบโตสูงมาจาก การที่บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าขยะครบทั้ง 3 แห่ง ที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 16.50 เมกะวัตต์ เป็นไตรมาสแรก จากเดิมในปีทีแล้ว ETC รับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าเพียงแห่งเดียวที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 8 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ โรงไฟฟ้าใหม่ทั้ง 2 แห่ง คือ โรงไฟฟ้าขยะ RH และโรงไฟฟ้าขยะ AVA มีอัตรารับซื้อไฟฟ้าแบบ FiT สูงถึง 6.83 บาท/หน่วย ซึ่งเป็นอัตราการรับซื้อ ไฟฟ้าที่สูงที่สุด เมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงประเภทอื่นและทำให้บริษัทฯมีอัตรา กำไรต่อเมกะวัตต์ค่อนข้างสูง โดยในไตรมาส 2 นี้ ETC มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 56.25% และ มีอัตรากำไรสุทธิ สูงถึง 35% ซึ่งอัตรารายได้รวมและอัตรากำไรของไตรมาส 2 นี้ อาจใช้เป็นมาตรฐานของการดำเนินงานของบริษัทฯ เนื่องจากเป็นผลการดำเนินงานที่มาจากการรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าทั้ง 3 แห่ง นอกจากนี้บริษัทฯจะพยายามปรับปรุงเพิ่มความสามารถในการทำกำไร ด้วยการบริหารดูแลซ่อมแซมโรงไฟฟ้า ตลอดจนลดต้นทุนการผลิต การบริหารและต้นทุนทางการเงินอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้ผู้ถือหุ้นทุกรายอย่างเท่าเทียมกัน”
“ สำหรับแนวโน้มธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทฯ มีแผนการขยายกิจการในอนาคต บริษัทฯได้ศึกษาและวางแผนที่จะประมูลโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดต่างๆ ของภาครัฐ อาทิ เช่นโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน 700 เมกะวัตต์ โครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน 400 เมกะวัตต์ และ โรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม 44 เมกะวัตต์ ซึ่งทั้งหมดคาดว่าจะเปิดประมูลปลายปีนี้ โดยบริษัทฯมีความมั่นใจ ด้วยศักยภาพของบริษัทและบริษัทแม่ คือ บมจ.เบตเตอร์เวิลด์กรีน(BWG)ซึ่งเป็นผู้นำอันดับ 1ด้านการรับบริหารกำจัดกากอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญ และมีปริมาณขยะอัดก้อน(RDF) ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงที่สำคัญ และมีบริษัทย่อย ที่เป็นผู้รับเหมาในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขยะและชีวมวลแบบครบวงจร (EPC) จะสามารถประมูลโรงไฟฟ้าได้หลายโครงการ และสร้างการเติบโตให้กับ ETC ได้อย่างยั่งยืนและต่อเนื่อง” นายเอกรินทร์กล่าวเสริม
“ สำหรับการนำหุ้นไอพีโอ ETCเข้าเทรดในวันพรุ่งนี้ 18 สิงหาคม 2563 บริษัทฯ มีความเชื่อมั่นว่าจะได้รับการรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจาก บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตไฟฟ้าที่มีรายได้มั่นคง และไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด -19 และวิกฤติเศรษฐกิจแต่อย่างใด อีกทั้ง ETC มีผลประกอบการที่เติบโตอย่างสูงและต่อเนื่อง และ มีนโยบายการจ่ายปันผลที่ 50% ของกำไรสุทธิ จึงมั่นใจว่า ETC จะเป็นที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่สนใจหุ้นเติบโตสูง และ นักลงทุนหุ้นปันผลสูง”
บริษัท เอิร์ธ เท็ค เอนไวรอเมนท์ จำกัด (มหาชน) (ETC)เป็น ผู้นำด้านโรงฟ้าขยะแบบครบ คือ มีโรงไฟฟ้าพลังงานขยะอุตสาหกรรม 3 แห่งคือ ที่จังหวัดสระบุรี พระนครศรีอยุธยา และพิจิตร รวมกำลังการผลิต 20.4 เมกะวัตต์ มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 16.5 เมกะวัตต์ กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ระยะเวลา 20 ปี โดย ETC เป็น บริษัทในกลุ่มเบตเตอร์เวิลด์ กรีน (BWG) ซึ่งเป็นกลุ่มผู้รับบริหารกำจัดกากอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ และมีโรงงานผลิตขยะอัดก้อน (RDF) ที่มีกำลังการผลิตประมาณ 500,000 ตันต่อปีทำให้ ETC มีความมั่นคงด้านเชื้อเพลิง รวมถึงข้อได้เปรียบด้านคุณภาพ และต้นทุนเชื้อเพลิง
ETCมีทุนจดทะเบียน 1,120 ล้านบาท และมีจำนวนหุ้นทั้งหมด 2,240 ล้านหุ้น ด้วยมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาทต่อหุ้น บริษัทฯ มีผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2560 – 2562 มีรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าจำนวน 184.10 ล้านบาท 325.24 ล้านบาท และ 362.39 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่มีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 3.14 ล้านบาท ในปี 2560 และมีกำไรสุทธิจำนวน 65.35 ล้านบาท และ 56.80 ล้านบาท ในปี 2561 – 2562 ตามลำดับ โดยผลประกอบการเติบโตขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ มีการรับรู้รายได้ค่าไฟฟ้าเต็มปี
จากโรงไฟฟ้า ETC ในปี 2561 และ 2562 ขณะที่ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2563 บริษัทฯ มีรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าจำนวน 134.90 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 24.18 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิสูง 18% นอกจากนี้ ETC คาดว่าจะรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าได้เต็มปีจากโรงไฟฟ้าขยะ RH และ AVA เต็มระยะเวลาที่เหลือของปี ซึ่งโรงไฟฟ้าทั้งสองแห่งดังกล่าวมีอัตรารับ
ซื้อไฟฟ้าแบบ FiT สูงถึง6.83บาทต่อหน่วยซึ่งเป็นอัตราการรับซื้อไฟฟ้าที่สูงสุดเมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงประเภทอื่น เนื่องจากภาครัฐส่งเสริมการ ใช้ขยะเป็นเชื้อเพลิง เพื่อลดปัญหาด้านปริมาณขยะของประเทศ
ลักษณะธุรกิจของบริษัท เอิร์ธ เท็ค เอนไวรอนเมนท์ จำกัด(มหาชน) (ETC)
ETC ดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงจากขยะ (“RDF”) โดยมีโรงไฟฟ้าที่จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์แล้วจำนวน 3 แห่ง รวมกำลังการผลิตติดตั้งรวม 20.4 เมกะวัตต์ ได้แก่ 1. โรงไฟฟ้า ETC กำลังการผลิตไฟฟ้า 9.4 เมกะวัตต์มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าปริมาณ 8 เมกะวัตต์ กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 20 ปี 2. โรงไฟฟ้า RH กำลังการผลิตไฟฟ้า 7 เมกะวัตต์ มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าปริมาณ 5.5 เมกะวัตต์ กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 20 ปี 3. โรงไฟฟ้า AVA กำลังการผลิตไฟฟ้า 4 เมกะวัตต์ มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าปริมาณ 3 เมกะวัตต์กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 20 ปี โดยมีอัตรารับซื้อไฟฟ้าแบบ FiT สูงถึง 6.83 บาท/หน่วย และมี บริษัทย่อย คือ บริษัท เอิร์ธ เอ็นจิเนีย แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด เป็นผู้รับเหมาสร้างโรงไฟฟ้าแบบเบ็ดเสร็จ คือ การออกแบบวิศวกรรมโรงไฟฟ้า การจัดหาเครื่องจักรและอุปกรณ์โรงไฟฟ้า และการก่อสร้างโรงไฟฟ้าแบบครบวงจร (EPC) และบริหารและดูแล ซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้า (O&M) ซึ่งมีเทคโนโลยีที่น่าเชื่อถือและปลอดภัยต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม
โดย ETC เป็น บริษัทในกลุ่มเบตเตอร์เวิลด์กรีน(BWG)ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจรับบริหารกำจัดกากอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ซึ่งมีโรงงานผลิตขยะอัดแท่ง (RDF) อยู่ภายในกลุ่ม ทำให้ ETC มีความมั่นคงด้านเชื้อเพลิง และข้อได้เปรียบต้นทุนเชื้อเพลิง