“ไบร์ท - วชิรวิชญ์” เผยว่า “ผมเข้าวงการด้วยการเป็นพิธีกรรายการวัยรุ่นรายการหนึ่ง ตอนนั้นทำเพราะรู้สึกว่าเป็นโอกาสที่ดีและทำให้เรามีรายได้ ตอนนั้นเหมือนเรายังเด็กยังไม่ค่อยเข้าใจการทำงานสักเท่าไหร่ ถือเป็นช่วงเรียนรู้งานจริง ๆ หลายครั้งไม่อยากทำงานเพราะรู้สึกไม่มีความสุข พอทำไปเรื่อย ๆ ก็พยายามปรับความคิดเปลี่ยนมุมมองตัวเอง หาความสุขให้กับสิ่งที่ทำ จากนั้นเริ่มรู้สึกว่าโอเคและมีความสุขกับการทำงานมากขึ้น จนมาถึงตอนนี้ที่มีคนรู้จักผมเยอะขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ๆ เลย สิ่งที่เข้ามาพร้อม ๆ กันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือฟีดแบคทั้งบวกและลบ มีทั้งคำชมและคำติ ปฎิเสธไม่ได้ว่าหลายครั้งยิ่งพอได้อ่าน ได้รับรู้เยอะ ๆ ทำให้ผมเครียดมากเลยครับ เครียดจนถึงจุดหนึ่งก็เลยตัดสินใจลองวางความรู้สึกนั้นลง แล้วดึงตัวเองออกมา มาอยู่กับคนรอบข้างที่รักเรา ไม่ว่าจะเป็น ครอบครัว, เพื่อน, เพื่อนร่วมงาน, พี่ ๆ ที่บริษัท ฯลฯ เขาเคยรักเรายังไงก็ยังรักเราอยู่และเข้าใจเราเสมอ เลยทำให้รู้สึกดีขึ้นและผ่านจุดนั้นมาได้ ผมบอกตัวเองว่าคนเราผิดพลาดได้ แต่เราต้องให้อภัยตัวเองให้เป็น เรียนรู้ว่าสิ่งที่เราทำมันผิดยังไงและไม่ทำซ้ำอีก แค่นี้ก็จะทำให้เราเก่งขึ้นทุกวัน อะไรผิดก็อุด ทำไปเรื่อย ๆ เราจะเป็นคนที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ผมโชคดีที่มีครอบครัว คนรอบข้าง และแฟน ๆ ที่คอยสนับสนุนให้กำลังใจ ผมรับรู้ได้มาตลอดและต้องขอบคุณพวกเขามากจริง ๆ ครับ”
“วิน – เมธวิน” เผยว่า “ตั้งแต่เด็กวินจะเป็นคนที่อยู่ในกรอบของที่บ้านมาตลอด มันเหมือนเราเชื่อมั่นว่าสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่วางให้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ทั้งเรื่องการเรียนและการใช้ชีวิต มีบ้างที่สิ่งที่เราอยากทำต่างจากคำแนะนำของคุณพ่อคุณแม่ อย่างตอนเด็ก ๆ วินอยากเป็นสถาปนิก แต่ที่บ้านอยากให้เรียนเศรษฐศาสตร์ เพราะอยากให้สานต่อธุรกิจของครอบครัว สุดท้ายผมก็เลือกเรียนเศรษฐศาสตร์นะครับ มีความรู้สึกขัดแย้งในใจอยู่บ้าง แต่ด้วยเหตุผลที่คุณพ่อคุณแม่ให้มาทำให้เราเห็นภาพจริง ๆ ครอบครัวไม่เคยบังคับแต่เราคุยกันด้วยเหตุและผลตลอด ซึ่งทุกครั้งก็ทำให้ผมเข้าใจและยอมรับ วินเข้าวงการมาผลงานแรก คือ ซีรีส์เพราะเราคู่กัน ได้มาเจอพี่ไบร์ท เขาเป็นคนที่ตั้งใจทำงานมาก วินได้ซึมซับตรงนี้มาจากเขา และคิดว่าเราก็ต้องตั้งใจและทำให้ดีที่สุด ยอมรับว่าชีวิตพลิกไปเลย จากที่ไม่มีใครรู้จักตอนนี้คนรู้จักเยอะขึ้นมาก ๆ ทำให้การที่จะทำอะไรพูดอะไร ต้องผ่านกระบวนการความคิดมากขึ้น
คอมเม้นท์ด้านดีก็เก็บมาเป็นกำลังใจ คอมเม้นท์ด้านลบที่มีประโยชน์ก็นำมาปรับปรุงตัวเราให้เป็นคนที่ดีขึ้น โชคดีที่วินมีครอบครัวคอยซัพพอร์ตให้กำลังใจอยู่ตลอด ครอบครัวสำคัญมากสำหรับตัวผม ไม่ว่าจะเจออะไรมาคนที่อยู่ข้าง ๆ คือครอบครัว สำหรับใครที่มีความเครียดหรือกำลังมีปัญหา อยากให้ลองปรึกษาครอบครัว คนที่ใกล้ตัวเรามากที่สุดดูนะครับ”
ติดตามชมรายการวาไรตี้ทอล์คเรื่องราวของ “ไบร์ท” และ “วิน” ในอีกแง่มุมที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน และอะไรที่ทำให้ คุณหมอวิ - แพทย์หญิงวิมลรัตน์ วันเพ็ญ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นจากกรมสุขภาพจิต ถึงกับเอ่ยปากชมว่า ทั้งสองหนุ่มเป็นคนที่มีวิธีการจัดการตัวเองได้ดีมาก ๆ ได้ในรายการ THE SOUND OF HAPPINESS ฟัง x เล่า = ความสุข ในวันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคมนี้ เวลา 19.30 น. นี้ และติดตามชมรายการย้อนหลัง พร้อมฟังพอดแคสต์ได้ทุกวันเสาร์เวลา 10.00 น. ทาง JOOX เท่านั้น