นายประภัตร กล่าวว่า จังหวัดอุตรดิตถ์ ได้มีการส่งเสริมและขับเคลื่อนศูนย์ข้าวชุมชนให้เป็นศูนย์กลางในด้านการผลิตข้าวและกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีในชุมชน โดยศูนย์ข้าวชุมชนมีภารกิจหลักคือการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวให้เพียงพอต่อความต้องการของชุมชน ซึ่งในส่วนของจังหวัดอุตรดิตถ์มีศูนย์ข้าวชุมชน 23 ศูนย์ และในปีงบประมาณ 2563 มีการคัดเลือกศูนย์ที่ผ่านหลักเกณฑ์จำนวน 10 ศูนย์ โดยมีเป้าหมายผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว 100 ตันต่อศูนย์
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวต่อไปว่า วันนี้ภาครัฐตื่นตัวในเรื่องของพันธุ์ข้าวซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราคา คุณภาพ ยอดการส่งออก ทั้งหมดขึ้นอยู่กับคุณภาพของพันธุ์ข้าว โดยทางจังหวัดอุตรดิตถ์ต้องมีการขยายศูนย์เพิ่ม รวมถึงเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีก เพื่อให้ได้เมล็ดพันธุ์ข้าวที่มีคุณภาพ และเพียงพอต่อความต้องการของพี่น้องเกษตรกร ซึ่งทางภาครัฐพร้อมสนับสนุนทั้งด้านการเงิน โดยมีโครงการธุรกิจสร้างไทย ร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เกษตรกรสามารถรวมกลุ่มกันทำวิสาหกิจชุมชน ตั้งแต่ 7 คนขึ้นไป เพื่อขอกู้เงินจาก ธ.ก.ส. วงเงิน 10 ล้านบาท ดอกเบี้ย 0.01 หรือล้านละ 100 บาท เป็นระยะเวลา 3 ปี ส่วนในด้านเครื่องจักรกลและอื่นๆ จะกำชับให้กรมการข้าวและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลอย่างเต็มที่ โดยให้เลือกผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวเพียงประเภทเดียวที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ให้มากที่สุด
นอกจากนี้ นายประภัตรยังได้มอบหมายให้กรมปศุสัตว์ เข้ามาส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อเป็นรายได้เสริมจากการปลูกข้าว โดยให้เข้าร่วมโครงการกับกรมปศุสัตว์ ซึ่งจะมีการตรวจและฉีดวัคซีนลูกโคจากพ่อค้าก่อนมาถึงเกษตรกร การส่งอาหารที่มีคุณภาพดีในราคาต่ำจากกรมปศุสัตว์ให้กับเกษตรกร ตลอดจนการประกันราคารับซื้อในราคากิโลกรัมละ 100 บาท
อีกทั้ง นายประภัตร ยังได้มอบทุนอาหารกลางวันให้กับโครงการปลูกข้าวเพื่อเป็นอาหารกลางวันนักเรียนโรงเรียนปากคลอง จังหวัดอุตรดิตถ์ และเยี่ยมชมบูธนิทรรศการและผลิตภัณฑ์ของวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ พัฒนาชุมชนบ้านหาดกำแพง สหกรณ์การเกษตรบ้านหม้อจำกัด เป็นต้น