ทั้งนี้บริษัทฯมีรายได้มาจากการให้บริการอยู่ที่ 68.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.40 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 19.98% ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 55% ของรายได้ทั้งหมด และรายได้จากการให้ใช้ซอฟต์แวร์อยู่ที่ 53.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.85 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 49.91% คิดเป็นสัดส่วน 43% ของรายได้ทั้งหมด และส่วนที่เหลือมาจากรายได้อื่น ๆ ประมาณ 2.14 ล้านบาท ในส่วนของรายได้ที่เกิดขึ้นประจำ มีมูลค่า 70 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 56% ในไตรมาส 2
ด้านผลการดำเนินงานประจำงวด 6 เดือน ปี 2563 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2563 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 20.72 ล้าน เพิ่มขึ้น 12.55 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 153.42% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 234.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 88.58 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่ม 60.88% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมีรายได้จากการให้บริการรวมอยู่ที่ 131.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50.54 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 62.32 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า การที่บริษัทฯ มีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นสวนกระแสจากเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีแรกที่ปรับตัวลดลงจากผลกระทบของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 นั้น เนื่องจากบริษัทฯ มีลูกค้ารายใหญ่และรายใหม่ในธุรกิจประกันชีวิตและธุรกิจประกันภัย ประกอบกับสามารถบริหารจัดการโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ได้ดี ส่งผลให้สามารถทำกำไรได้เพิ่มขึ้น
สำหรับผลประกอบการในครึ่งปีหลังนั้น โดยปกติที่ผ่านมาจะมีลักษณะเป็นฤดูกาล กล่าวคือรายได้และกำไรในครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรกมาก โดยเฉพาะในไตรมาสสุดท้าย ประกอบกับมี Backlog ในมือ ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 280 ล้านบาท บริษัทฯ จึงคาดว่าจะทำรายได้รวมทั้งปีทะลุ 500 ล้านบาท และรักษาระดับอัตรากำไรสุทธิไม่น้อยกว่า 11-12%
“ หลังจากเข้าเป็นส่วนหนึ่งของตลาดทุนเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา บริษัทฯ อยู่ระหว่างกระบวนการดำเนินตามแผนงานที่วางไว้ เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งให้ผู้ถือหุ้นได้รับทราบ และในส่วนของราคาหุ้นนั้น บริษัทฯ ก็ปล่อยให้เป็นไปตามกลไกของตลาด ส่วนทีมผู้บริหารก็มุ่งมั่นทำหน้าที่และบริหารงานให้ได้ตามเป้าที่วางไว้ เพื่อตอบแทนความไว้ใจของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทฯ อย่างดีที่สุด” นายสมชาย กล่าว