นางอนงค์ ไพจิตรประภาภรณ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กล่าวว่า การลงนามความร่วมมือครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนางานด้านอุตสาหกรรมอาหารของประเทศให้มีความเข้มแข็ง และมีความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน ภายใต้ขอบเขตความร่วมมือพอสังเขป ดังนี้ 1) พัฒนาอาหารให้ตรงตามความต้องการของตลาดสู่เชิงพาณิชย์อย่างครบวงจร 2 )ส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีด้านอาหารในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ 3) สนับสนุนช่องทางการตลาด 4) ส่งเสริมการ แปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า 5) พัฒนาบุคลากรเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน 6) ถ่ายทอดองค์ความรู้ การบริหารจัดการ และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เพื่อพัฒนางานด้านอุตสาหกรรมอาหารของประเทศให้มีความเข้มแข็ง และมีความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืนต่อไป
ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้ให้ความสำคัญกับ 3 เสาธุรกิจหลัก (Value Chains) ได้แก่ 1) ภาคธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ 2) ภาคการค้าและการลงทุน และ 3) ภาคเกษตรและอาหาร เพื่อขับเคลื่อนวิสัยทัศน์และพันธกิจของหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
“โดยภาคธุรกิจเกษตรและอาหาร นับว่าเป็นอุตสาหกรรมที่มีความเกี่ยวข้องกับคนส่วนใหญ่ของประเทศ โดยมีจำนวนประชากรรายครัวเรือน ปี 2562 จำนวน 7.9 ล้านครัวเรือน มีพื้นที่เกษตรกรรม 149 ล้านไร่ของพื้นที่ประเทศ และมีกำลังแรงงานในภาคเกษตรจำนวนทั้งสิ้นกว่า 11.88 ล้านคน โดยมีการส่งออกอุตสาหกรรมอาหารไทย ปี 2563 คาดว่าจะมีมูลค่าการส่งออก ถึง 1,025,000 ล้านบาท ซึ่งตลอดทั้งปีภาคเกษตรและอาหารของไทยต้องเผชิญความท้าทายจากปัจจัยภายในประเทศและต่างประเทศ อันเนื่องมาจากภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งมีปัจจัยสำคัญ ได้แก่ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ภัยแล้งที่สร้างความเสียหายต่อภาคเกษตร ตลอดจนความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ส่งผลให้ประสิทธิภาพการผลิตและผลผลิตตกต่ำ การขาดมาตรฐานสินค้า (Food Safety) และปัญหาความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานของธุรกิจเกษตร อาทิ ปัจจัยการผลิตและวัตถุดิบ เป็นต้น”
ดังนั้น การลงนามความร่วมมือดังกล่าวจะเป็นการยกระดับความร่วมมือและเครือข่ายระหว่างองค์กรที่สำคัญ ที่จะร่วมกันพัฒนาด้านอาหารตามความต้องการของตลาดสู่เชิงพาณิชย์อย่างครบวงจร ซึ่งสถาบันอาหาร จะเป็น Think Tank ให้สมาชิกหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยในการพัฒนาสินค้าและบริการ ซึ่งปัจจุบันมีเครือข่ายสมาชิกทั่วประเทศ 95,000 ราย โดยสถาบันอาหาร จะให้คำปรึกษา บริการ และสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยในการพัฒนาสินค้าและบริการ ซึ่งจะเป็นหนึ่งในการพัฒนาประเทศให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนต่อไป
นางอนงค์ ไพจิตรประภาภรณ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กล่าวว่า สถาบันอาหาร ขอเชิญชวนสมาชิกผู้ประกอบการทั่วประเทศของหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs เข้ามาใช้บริการของสถาบันอาหาร เพียงท่านแสดงบัตรสมาชิกของหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยสถาบันอาหารจะมอบส่วนลด 5 - 30 % ในการใช้บริการของสถาบันอาหาร