บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ ดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,300-1,350 จุด ปรับตัวลงในลักษณะ Sideway โดยยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้าหนุน อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังคงจับตาการเจรจาระหว่างสหรัฐ-จีน ซึ่งล่าสุดมีรายงานว่า TikTok เตรียมยื่นฟ้องดำเนินคดี ปธน.ทรัมป์ ที่ห้ามประชาชน และบริษัทสหรัฐใช้บริการหรือทำธุรกิจ รวมทั้งตัวเลขส่งออกของไทยในเดือนก.ค.หดตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้าโดยหดตัว 11.4% ส่งผลให้ภาพรวม 7 เดือนแรกของปี 2563 ส่งออกหดตัว 7.7% กระทรวงพาณิชย์คาดทั้งปีการส่งออกจะหดตัว 8-9% และสถานการณ์การเมืองในประเทศที่มีความไม่แน่นอน
อย่างไรก็ตามเริ่มมีสัญญาณเชิงบวกความคืบหน้าเกี่ยวกับวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 อาทิ ในสหรัฐจะใช้พลาสมาที่มีโปรตีนภูมิคุ้มกัน (convalescent plasma) รักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 รัสเซียเตรียมทดลองวัคซีนโควิด-19 เฟส 3 ส่วน จีนเล็งจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ให้ประเทศลุ่มน้ำโขงก่อน หากพัฒนาสำเร็จ อีกทั้งดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของโลกและเศรษฐกิจสำคัญ อย่างยุโรป และเอเชีย มีการฟื้นตัวต่อเนื่องใกล้เคียงช่วงก่อนเกิดการแพร่ของเชื้อไวรัสโควิด-19 อีกด้วย
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวว่า ปัจจัยในประเทศที่ยังคงต้องเฝ้าจับตาเกี่ยวกับการประชุมครม.สัญจรที่ จ.ระยอง ในวันที่ 25 ส.ค. นี้ และศาลล้มละลายกลางนัดไต่สวนคำร้อง THAI ขอฟื้นฟูกิจการเป็นวันที่ 2 อีกทั้งในวันที่ 26 – 28 ส.ค. ตลท.จะจัดงาน Thailand Focus 2020 : Virtual Conference ครั้งแรก ชูความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทยที่ยืนหยัดและพร้อมกลับมาเติบโตหลังสถานการณ์โควิด-19ในประเทศผ่อนคลายลง
ส่วนปัจจัยที่ต้องเฝ้าจับตาสำหรับต่างประเทศนั้น สหรัฐเปิดเผยราคาบ้าน ดัชนีราคาบ้าน ความเชื่อมั่นผู้บริโภค ยอดขายบ้านใหม่ และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ตัวเลข GDP 2Q63 (ประมาณการครั้งที่ 2) ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย โดยวันที่ 26 ส.ค. จะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ค. และสต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์ อีกทั้งนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐจะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสันโฮล ส่วนในวันที่ 27 ส.ค. จีนเตรียมเปิดเผยกำไรภาคอุตสาหกรรมของเดือนก.ค.
ด้าน นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก ประเมินกลยุทธ์การลงทุน โดยแนะนำหุ้นกลยุทธ์การลงทุนหุ้น Defensive Stock เนื่องจากคาดว่ายอดขายได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอไม่มากเท่ากับธุรกิจอื่น อาทิ ADVANC-INTUCH-DIF-TTW-BEM-BTS-CHG-BCH อีกทั้งยังแนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์หลัง ธปท.ห้ามมือถือ “รุ่นเก่า” ใช้โมบายแบงก์กิ้ง อาทิ COM7-SPVI-JMART-SIS-SYNEX
ส่วนราคาทองคำ มองว่าราคาทองคำปรับตัวลงกว่า 70 $/Oz หลังเฟดเผยผลการประชุมโดยระบุว่า แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐกำลังเผชิญกับความเสี่ยงหลายด้าน ซึ่งรวมถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของไวรัสโควิด-19 โดยสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทรุดตัวลงอีก และจะนำไปสู่ภาวะชะงักงันทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะมีการปรับเปลี่ยนนโยบายทางการเงินในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ดังนั้นคาดการณ์กรอบราคาทองคำในสัปดาห์นี้ 1,900-1,970 $/Oz หรือคิดเป็นราคาทองคำไทยที่ 28,360-29,500 บาทต่อบาททองคำ โดยหากราคาหลุดแนวรับที่ 1,900$/Oz ให้ระวังแรงขายออกเพิ่มเติม