สศก. ลุยโคราช แหล่งระบาดใหญ่ โรคใบด่างมันฯ แนะเกษตรกรหมั่นสังเกต หากพบรีบแจ้ง จนท./ผู้นำชุมชน

อังคาร ๒๕ สิงหาคม ๒๐๒๐ ๑๔:๓๒
นางอัญชนา ตราโช รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงการลงพื้นที่ติดตามโครงการป้องกันและกำจัดโรคใบด่างมันสำปะหลัง จังหวัดนครราชสีมา ว่า จากสถานการณ์การระบาด ของโรคใบด่างมันสำปะหลัง ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ 12 สิงหาคม 2563) พบการระบาดใน 29 จังหวัด ได้แก่ พื้นที่ระบาดรวมทั้งสิ้น 442,564 ไร่ โดยจังหวัดที่มีพื้นที่การระบาดมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ นครราชสีมา สระแก้ว และบุรีรัมย์ ซึ่งที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมส่งเสริมการเกษตรและกรมวิชาการเกษตร ได้ลงพื้นที่เพื่อสำรวจและชี้เป้าพื้นที่ระบาด โดยมีมาตรการกำจัดต้นมันสำปะหลังที่เป็นโรคและแมลงหวี่ขาวยาสูบ ซึ่งเป็นพาหะนำโรค พร้อมชดเชยรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังที่ได้รับผลกระทบในอัตราชดเชยไร่ละ 3,000 บาท ตลอดจนส่งเสริมให้เกษตรกรใช้ท่อนพันธุ์สะอาด ควบคุมการนำเข้าท่อนพันธุ์จากต่างประเทศและการขนย้ายท่อนพันธุ์ภายในประเทศ รวมทั้งสร้างการรับรู้ให้เกษตรกรเพื่อป้องกันกำจัดโรคใบด่าง โดยได้ทำลายแล้ว ด้วยวิธีฝังกลบและราดสารกำจัดวัชพืช การใส่ถุง/กระสอบและตากแดด หรือวิธีบดสับและตากแดดต้นมันสำปะหลังที่เป็นโรคฯ จำนวน 117,802 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 26.62 ของพื้นที่ระบาดทั้งหมด คงเหลือพื้นที่ระบาด จำนวน 324,762 ไร่ ใน 25 จังหวัด

เมื่อวันที่ 20 - 24 กรกฎาคม 2563 สศก. โดย ศูนย์ประเมินผล ได้ลงพื้นที่ เพื่อติดตามความก้าวหน้าการดำเนินโครงการฯ จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการระบาดมากที่สุด จำนวน 280,390 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 63 ของพื้นที่ระบาดทั้งประเทศ โดยอำเภอ ที่มีพื้นที่ระบาดมากที่สุด 3 อำเภอแรก ได้แก่ อำเภอเสิงสาง ครบุรี และหนองบุญมาก

ขณะนี้ หน่วยงานในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ได้ทำลายมันสำปะหลังทีเป็นโรคใบด่างไปแล้ว จำนวน 38,135 ไร่ ทั้งนี้ คณะทำงานบริหารจัดการโรคใบด่างมันสำปะหลังระดับอำเภอ กำลังเร่งดำเนินการทำลายในส่วนที่เหลือ สำหรับเงินชดเชยที่จะจ่ายให้แก่เกษตรกรนั้น สำนักงบประมาณกำลังพิจารณาอนุมัติ อย่างไรก็ตาม เกษตรกรควรหยุดพักการปลูกมันสำปะหลังหลังจากการทำลายไปแล้ว สัก 3 - 4 เดือน หรืออาจปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชทดแทน เพื่อตัดวงจรการระบาดของโรค

ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเน้นสร้างการรับรู้ให้เกษตรกรตระหนักถึงความสำคัญและให้ความร่วมมือในการแก้ปัญหาดังกล่าว โดยเกษตรกรสามารถสังเกตอาการของโรคใบด่างฯ ได้ด้วยตนเอง ซึ่งต้นมันสำปะหลังที่เป็นโรค จะมีใบด่างเหลือง ใบลดรูป และเสียรูปทรง ลำต้นแคระแกร็น และไม่มีการเจริญเติบโต หรือมีการเจริญเติบโตน้อย โดยหากเกษตรกรพบหรือสงสัยว่ามันสำปะหลังที่ปลูกเป็นโรคใบด่างฯ ให้รีบติดต่อผู้นำชุมชน (กำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน) หรือนักวิชาการส่งเสริมการเกษตรประจำตำบล เพื่อวินิจฉัยโรค และหากพบเป็นโรคใบด่างฯ เจ้าหน้าที่จะชี้แจงขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการฯ และการเตรียมหลักฐานประกอบการขอรับสิทธิ์เข้าร่วมโครงการต่อไป

ทั้งนี้ สศก. โดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 5 จังหวัดนครราชสีมา ได้จัดทำแนวทางการบริหารจัดการเขตเศรษฐกิจระดับภาคและการวิเคราะห์ด้านเศรษฐกิจสินค้าเกษตร เพื่อเสนอทางเลือกการผลิตพืชหรือการดำเนินกิจกรรมที่เหมาะสมตามเขตความเหมาะสมพื้นที่ ทั้งระดับภาคและระดับจังหวัด ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ได้นำไปใช้ประโยชน์เพื่อแนะนำทางเลือกให้กับเกษตรกร นอกจากนี้ สศก. จะมีการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจ เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้โครงการฯ บรรลุวัตถุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ