นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า “กระทรวงมหาดไทยเล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนควบคู่กับการดูแลความปลอดภัย โดยทางโรงเรียนต้องมีการจัดสภาพแวดล้อมและการวางกฎเกณฑ์ให้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุหรือการบาดเจ็บที่คาดไม่ถึง ซึ่งโครงการ School Check-up (การตรวจสุขภาพโรงเรียนเพื่อความปลอดภัย) จะช่วยลดความเสี่ยงทั้งในพื้นที่บริเวณโรงเรียน รวมทั้งจุดอันตรายต่าง ๆ โดยรอบ ผ่านการตรวจเช็คความปลอดภัยตามมาตรฐานที่ได้กำหนดไว้ และให้ความร่วมมือในการประชาสัมพันธ์โครงการฯ ให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดของแต่ละจังหวัดทั่วประเทศ ภายใต้ความร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการในการคัดเลือกโรงเรียนนำร่องของแต่ละจังหวัด”
ด้าน นางรักขณา ตัณฑวุฑโฒ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า “โครงการ School Check-up นี้ นับว่าเป็นประโยชน์กับโรงเรียน โดยเฉพาะกับเด็กนักเรียน ผู้บริหาร และบุคลากรทางการศึกษา จากที่กระทรวงศึกษาธิการให้ความสำคัญกับการพัฒนาเด็กและเยาวชน ซึ่งถือเป็นทรัพยากรสำคัญที่จะขับเคลื่อนประเทศของเราในอนาคต ผ่านการยกระดับคุณภาพชีวิตและมาตรฐานการศึกษา พร้อมกับการสร้างความปลอดภัยในพื้นที่และบริเวณโดยรอบโรงเรียนที่ควรจะเป็นสถานที่ที่ปลอดจากความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดอันตรายทั้งหมด เพื่อความปลอดภัยของนักเรียนและบุคลากรที่เกี่ยวข้อง โดยกระทรวงศึกษาธิการจะร่วมประชาสัมพันธ์โครงการฯ ให้กับหน่วยงานในกระทรวงศึกษาธิการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงโรงเรียนทั่วประเทศ และเป็นผู้คัดเลือกโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน เพื่อเป็นโรงเรียนต้นแบบ จังหวัดละ 1 โรงเรียน”
นายไพฑูรย์ จิรานันตรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวเสริมว่า “โครงการ School Check-Up ถือเป็นการต่อยอดความสำเร็จจากโครงการ Smile Kid School Bus ที่เอสซีจีมีโอกาสร่วมดำเนินโครงการกับกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2562 และดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเอสซีจีได้ให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยกับเด็กและเยาวชน จึงได้นำเทคโนโลยี GPS มาใช้ในการควบคุมระบบความปลอดภัยของรถโรงเรียน เพื่อลดอัตราการเสียชีวิตของเด็กที่ติดอยู่ในรถโรงเรียน รวมถึงการขับขี่รถโรงเรียนอย่างปลอดภัยตามที่กฎหมายกำหนด สำหรับโครงการ School Check-Up จะเป็นการดูแลความปลอดภัยในบริเวณโรงเรียน โดยอาศัยความเชี่ยวชาญเรื่องการก่อสร้างของเอสซีจี เช่น การตรวจสอบโครงสร้างอาคารที่ควรซ่อมแซม การให้คำแนะนำเกี่ยวกับจุดเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ เป็นต้น”
นายบรรณ เกษมทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี ดิสทริบิวชั่น จำกัด กล่าวว่า “เอสซีจี มีนโยบายเรื่องความปลอดภัยในการทำงานเป็นนโยบายหลัก ซึ่งบริษัท เอสซีจี ดิสทริบิวชั่น จำกัด ผู้ให้บริการร้านค้าวัสดุก่อสร้าง ภายใต้ชื่อ SCG HOME ได้นำแพลตฟอร์ม “คิวช่าง” ศูนย์รวมบริการและโซลูชันจากทีมช่างคุณภาพ ที่ใช้ดิจิทัลเทคโนโลยีมาช่วยอำนวยความสะดวกในการติดต่อและเตรียมการซ่อมแซม รวมถึงดำเนินการปรับปรุงโดยช่างฝีมือที่ได้มาตรฐาน พร้อมกับการเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานจากเอสซีจี มาให้ความรู้และคำแนะนำที่มีประโยชน์ต่อโรงเรียนในการดูแลความปลอดภัยจากสภาพแวดล้อมทางกายภาพภายในโรงเรียน เพื่อให้มั่นใจว่าโรงเรียนที่ผ่านการตรวจจากโครงการนี้ จะมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และมีความพร้อมเป็นสถานศึกษาที่มีคุณภาพเพื่อเยาวชนของเรา”
โครงการ School Check-up ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเริ่มต้นของทุกภาคส่วนในการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยให้กับนักเรียนและบุคลากรในโรงเรียน ลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุในพื้นที่บริเวณโรงเรียน ผ่านบริการตรวจเช็คความปลอดภัยในโรงเรียนตามมาตรฐานที่กำหนดทั่วประเทศ โดยกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงศึกษาธิการจะให้ความร่วมมือในการจัดเตรียมบุคลากร ประชาสัมพันธ์โครงการฯ รวมถึงการสนับสนุนข้อมูล โดยมีภาคเอกชน ได้แก่ บริษัท เอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด และบริษัท เอสซีจี ดิสทริบิวชั่น จำกัด ร่วมใช้ความเชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษา ประเมินความเสี่ยงในพื้นที่และบริเวณโดยรอบโรงเรียน พร้อมทั้งนำดิจิทัลแพลตฟอร์มมาช่วยซ่อมบำรุงอาคารเรียน รวมทั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในโรงเรียน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักเรียน บุคลากรและผู้ปกครอง ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องในโรงเรียน ปัจจุบันมีการให้บริการตรวจเช็คกับโรงเรียนนำร่องในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล และอยู่ในระหว่างการขยายพื้นที่บริการเพิ่มเติมในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ
โรงเรียนที่สนใจเข้าร่วมโครงการสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เบอร์ 02-586-1784, 02-586-1783 หรือ 02-586-4405 ตลอด 24 ชั่วโมง และสามารถติดตามติดตามข่าวสารอื่นๆ ของเอสซีจีได้ที่ https://scgnewschannel.com / Facebook: scgnewschannel / Twitter: @scgnewschannel หรือ Line@: @scgnewschannel