นายผยง ศรีวณิช เปิดเผยว่า ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคดิจิทัลเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก การทำธุรกรรมทางการเงินของลูกค้าไม่จำกัดเพียงที่สาขาหรือช่องทางหลักของธนาคารเท่านั้น การร่วมมือทางธุรกิจโดยแต่งตั้งไปรษณีย์ไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรที่แข็งแกร่ง เป็น Banking Agent อย่างเป็นทางการ ช่วยพัฒนาขีดความสามารถในการให้บริการทางการเงินให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยจุดให้บริการของไปรษณีย์ไทยกว่า 1,200 แห่ง รวมกับสาขาของธนาคาร 1,014 แห่ง และเครื่องบริการอัตโนมัติอีกกว่า 10,000 จุด ทำให้ธนาคารมีจุดให้บริการรวมทั้งสิ้นกว่า 13,000 แห่งทั่วประเทศ เพิ่มความสะดวกให้ลูกค้ามากยิ่งขึ้น อีกทั้งจุดบริการของไปรษณีย์ไทยมีความปลอดภัยสูงสุดเช่นเดียวกับการทำธุรกรรมที่สาขา โดยเมื่อไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมา ได้ให้บริการฝากเงินสด โดยไม่ต้องใช้สมุดบัญชี ตั้งแต่ 1 บาท – 50,000 บาทต่อรายการ สูงสุด 100,000 บาทต่อวันต่อบัญชี มียอดการทำธุรกรรมแล้วกว่า 3,600 ล้านบาท และบริการรับชำระค่าปรับจราจร จากใบสั่ง หรือใบเตือนทุกชนิดที่มีบาร์โค้ดและเครื่องหมาย PTM มียอดการทำธุรกรรมแล้วกว่า 114 ล้านบาท
“นอกจากนี้ ทั้ง 2 หน่วยงานจะร่วมกันศึกษาพัฒนารูปแบบและต่อยอด เพื่อขยายขอบเขตการให้บริการทางการเงินใหม่ๆ ได้แก่ ถอนเงินผ่านเครื่อง EDC และ QR Code ได้ทุกธนาคาร เติมเงินบัตร M-Pass ติดตั้งเครื่อง “e-KYC” เทคโนโลยีการระบุตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเปิดบัญชีหรือทำธุรกรรมทางการเงิน โครงการชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เพื่อให้บริการรับชำระภาษี จัดพิมพ์และจัดส่งใบแจ้งรายการทรัพย์สิน ใบแจ้งภาษีและใบแจ้งเตือนให้แก่หน่วยงานองค์กรปกครองท้องถิ่น การพัฒนาระบบรับชำระเงินในเว็บไซต์ Thailandpostmart และแอปพลิเคชัน Wallet@Post ให้เชื่อมโยงกับ Krungthai NEXT ตลอดจนพัฒนาระบบการบริหารทรัพยากรมนุษย์ (HRMS) เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพนักงานและลูกจ้างของไปรษณีย์ไทย เช่น การขอเอกสารรับรองเงินเดือน เป็นต้น”
นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทยและธนาคารกรุงไทย ได้ร่วมกันพัฒนาบริการต่างๆ เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าที่มีความหลากหลาย ด้วยเครือข่ายของไปรษณีย์ไทยที่มีสาขาครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ปัจจุบันไปรษณีย์ไทยเป็นตัวแทนให้กับธนาคาร (Banking Agent) ในการรับฝากเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทยทั่วประเทศ การรับชำระค่าปรับการจราจร นอกจากนี้ ยังช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการที่เป็นลูกค้าของธนาคารเปิดช่องทางการจำหน่ายสินค้าผ่านแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ www.thailandpostmart.com ซึ่งเป็น Marketplace ที่รวบรวมสินค้าของดีทั่วไทย