นางลักขณา ตั้งจิตนบ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมธุรกิจSMEs สสว.กล่าวว่า อนาคตของภาคเกษตร มีความสำคัญมากสำหรับประเทศไทย และมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าภาคท่องเที่ยวและภาคอุตสาหกรรม ต้องยอมรับว่าระบบเกษตรของไทยต้องเข้าสู่การปฏิวัติเพื่อให้สามารถรองรับความเปลี่ยนแปลงในโลกการค้า ที่แข่งขันกันอย่างรุนแรง สสว. เล็งเห็นความสำคัญว่าทิศทางการเกษตรของไทยจะต้องมีการยกระดับศักยภาพ การดำเนินธุรกิจด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรม การบริหารจัดการบนพื้นฐานองค์ความรู้ จึงได้เริ่มดำเนินการส่งเสริมมาตั้งแต่ปี 2560 ต่อเนื่องจนมาถึงในปัจจุบัน โดยส่งเสริมผู้ประกอบการเกษตรให้ปรับตัวเข้าสู่โหมดของความเป็นนักธุรกิจ ที่ดำเนินธุรกิจได้อย่างมีคุณภาพ สามารถต่อยอดธุรกิจ และเชื่อมโยงการตลาดทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งปีนี้ประเทศไทยมีวิกฤตหนักกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคธุรกิจ โดยการทำงานของ สสว. จะมุ่งเน้นใน 3 ด้านเพื่อผลักดันให้ผู้ประกอบการผ่านพ้นวิกฤตินี้ 1) การเข้าถึงแหล่งเงินทุน 2) การลดค่าใช้จ่ายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และ 3) การขยายช่องทางการตลาด ก็คือ “สสว. Connext”
วันนี้รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการมีพัฒนาการทางธุรกิจ เพิ่มมูลค่าผลิตผลทางการเกษตร จนสามารถสร้างคุณค่าผลิตภัณฑ์และบริการของตนเองจนพร้อมที่จะออกสู่ตลาด โดยงานนี้มีผู้ประกอบการเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 30 ร้านค้า ทั้งสินค้าอุปโภคบริโภคที่เน้นความสด ใหม่ ปลอดภัยจากผู้ประกอบการภาคธุรกิจเกษตรส่งตรงถึงมือผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นข้าวอินทรีย์ ผัก ผลไม้ ออร์แกนิค ผลผลิตแปรรูปได้มาตรฐานปลอดภัย หรือของใช้ ของแต่งบ้าน อาทิ เสื้อผ้าคราม ต้นไม้แต่งบ้าน ลูกประคบสมุนไพรไทย และอื่นๆ อีกหลากหลายรายการ ซึ่งส่วนหนึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มยอดขายให้ผู้ประกอบการแล้ว ยังจะช่วยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในภาพรวมของกลุ่ม SMEs ธุรกิจเกษตร ได้กว่า 5 ล้านบาท
นางสาวปภาวี สุธาวิวัฒน์รองประธานสถาบันอุตสาหกรรมเพื่อการเกษตรสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)กล่าวว่า ภาคเกษตร ถือเป็นหัวใจสำคัญของประเทศไทยในวันนี้ จากสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี (Disruptive Technology) สงครามการค้า และการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจของโลกอย่างมีนัยสำคัญ ทุกประเทศเลือกที่จะหันมาพึ่งพาตนเอง โดยใช้นโยบาย Local Economy ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในการขับเคลื่อน Thailand 4.0 เครื่องยนต์ที่มีบทบาทในการขับเคลื่อนประเทศไทย คือ เกษตรและเกษตรแปรรูป จากการที่ประเทศไทยมีความอุดมสมบูรณ์ของภูมิประเทศที่เหมาะสมกับการเกษตร แต่ในปัจจุบันการเกษตรของไทย ยังเป็นเกษตรแบบดั้งเดิม จำเป็นอย่างยิ่งต้องปรับเปลี่ยนการเกษตรของประเทศไทยไปสู่เกษตรสมัยใหม่ (Smart Farming) นำเอาเทคโนโลยีเกษตร Agri-Tech ต่างๆ มาประยุกต์ใช้ในการผลิต โดยมีเป้าหมายยกระดับการเกษตรของประเทศสู่เกษตรปลอดภัย ที่มีมาตรฐาน GAP เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ มีความปลอดภัย ในรูปแบบของผลสด ส่งต่อไปยังอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารเพื่อให้อุตสาหกรรมอาหารของไทยเป็นที่ยอมรับ ของทั่วโลก
วันนี้สถาบันฯ ได้ขับเคลื่อนงานเชื่อมโยงกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวของ โดยเฉพาะด้านการพัฒนาผู้ประกอบการ SME ภาคเกษตร กับ สสว. ซึ่งได้ดำเนินโครงการร่วมกับ สสว. มาตั้งแต่ปีแรกจนถึงปีนี้ เข้าสู่ปีที่ 5 แล้ว ความสำเร็จของผู้ประกอบการในวันนี้ ถือเป็นก้าวแรกของเราที่ได้มีโอกาสขับเคลื่อนช่วยเหลือให้ผู้ประกอบการเข้มแข็ง และหวังว่า ส.อ.ท. จะได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาให้ภาคเกษตรไทย เข้มแข็ง และยั่งยืนต่อไป ทั้งนี้ ขอเชิญชวนทุกท่านให้มาเที่ยวงาน “Fresh Farm Market รวมของเด็ด สินค้าเกษตร” มาช่วยอุดหนุนสินค้าเกษตรไทย ให้กำลังใจกันและกัน ในวันที่ 28-30 สิงหาคม 2563 นี้ ณ ลานหน้ายูนิโคล่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล อีสต์วิลล์ เริ่มเปิดบูธเวลา 10.00-21.00 น.