บล.ทิสโก้ชี้ กลุ่มพลังงานถ่วงหุ้นไทยขึ้นน้อยกว่าหุ้นโลก คาดเดือน ก.ย. เจอประเด็นการเมืองกดดันซ้ำ

อังคาร ๐๑ กันยายน ๒๐๒๐ ๑๔:๒๑
บล.ทิสโก้ชี้หุ้นพลังงาน และกำไรบจ.ไทยหด ถ่วงให้หุ้นไทยปรับตัวขึ้นน้อยกว่าตลาดโลก คาดเดือน ก.ย. ถูกกดดันต่อจากประเด็นการเมือง พร้อมเปิดสถิติช่วงที่มีชุมนุมการเมืองหุ้นไทยจะลดลงเฉลี่ย 3%

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด (Mr. Apichat Poobunjirdkul, Senior Strategist, TISCO Securities Co., Ltd) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นโลกเดือน ส.ค. ฟื้นตัวกลับมาเทียบเท่ากับช่วงก่อนระบาด COVID-19 โดยดัชนี MSCI World Index ซึ่งเป็นตัวแทนดัชนีหุ้นโลกปรับเพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนมี COVID -19 ไปแล้ว 4% ขณะที่หุ้นไทยยังคงย่ำอยู่กับที่ และมีทิศทางที่แย่กว่าตลาดหุ้นโลก (Underperform) ซึ่งเป็นไปตามที่ บล.ทิสโก้ได้เคยประเมินไว้ โดยดัชนีหุ้นไทยปีนี้ยังคงต่ำกว่าช่วงก่อนระบาด COVID-19 โดยติดลบอยู่ 17% ส่วนหนึ่งมาจากโครงสร้างของหุ้นไทยที่มีน้ำหนักหุ้นกลุ่มพลังงานมากเป็นอันดับหนึ่ง ที่ประมาณ 22%

“ในช่วงที่ผ่านมาหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าหุ้นโลกอย่างเห็นได้ชัด ส่วนหนึ่งเนื่องจากกลุ่มพลังงานซึ่งมีความอ่อนไหวสูงต่อทิศทางราคาน้ำมันและภาวะเศรษฐกิจมีน้ำหนักต่อการคำนวณดัชนีหุ้นไทยค่อนข้างมาก แถมกว่า 70% ของเศรษฐกิจไทยพึ่งพิงกับภาคต่างประเทศ จึงทำให้ได้รับผลกระทบค่อนข้างมากจากวิกฤต COVID-19 ขณะที่หุ้นโลก (MSCI World Index) นั้น พบว่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศมีน้ำหนักต่อดัชนีมากเป็นอันดับหนึ่ง ที่ 21% ซึ่งหุ้นกลุ่มนี้ได้รับผลกระทบน้อยมากจาก COVID-19 และกำลังเติบโตตามเทรนด์หลักของโลก” นายอภิชาติกล่าว

นอกจากนี้ แนวโน้มการหั่นประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนไทยที่ยังไม่จบจะกดดันระดับการประเมินมูลค่าหุ้นไทยให้ยิ่งแพงขึ้น จากการตรวจสอบประมาณการกำไรของตลาดในปีนี้และปีหน้ายังคงถูกหั่นลงอยู่ โดยในเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา กำไรบริษัทจดทะเบียนไทยถูกหั่นลงอีก 3.5% และ 4.6% มาอยู่ที่ 59.0 บาท และ 76.7 บาท ตามลำดับ นับเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน ส่งผลให้ปัจจุบัน ค่าเฉลี่ยอัตราราคาต่อกำไรล่วงหน้า (Fwd. PER) ของตลาดหุ้นไทยปีนี้ และปีหน้าอยู่ในระดับสูงที่ 22.2 เท่า และ 17.1 เท่า ตามลำดับ ถือว่าแพงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีตที่ประมาณ 15-16 เท่า

ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่ตลาดหุ้นไทยไม่แกว่งไปไหน มากว่า 3 เดือนแล้ว ซึ่งแตกต่างจากประมาณการกำไรโดยรวมของตลาดหุ้นกลุ่มประเทศพัฒนา (MSCI DM) กลุ่มประเทศเกิดใหม่ (MSCI EM) และกลุ่มภูมิภาคเอเชียไม่รวมญี่ปุ่น (MSCI Asia ex. Japan) ที่มีแนวโน้มปรับขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน

นายอภิชาติกล่าวอีกว่า สำหรับการชุมนุมทางการเมืองเดือน ก.ย. นี้ คาดว่าจะมีน้ำหนักต่อดัชนีหุ้นไทยมากขึ้น และจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะถ่วงตลาดหุ้นไทยให้มีแนวโน้มปรับขึ้นน้อยกว่าหุ้นโลก (Underperform) โดยจากการเก็บสถิติพบว่า ในช่วงที่มีม็อบ 3 ครั้งล่าสุด คือ ม็อบพันธมิตรฯ ม็อบนปช. และม็อบกปปส. ดัชนีหุ้นไทยมักจะปรับตัวลงเฉลี่ย ลบเกือบ 3% ซึ่งสวนทางกับตลาดหุ้นโลก ที่ในช่วงเวลาเดียวกันจะปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 2% นอกจากนี้ ยังพบว่า ผลตอบแทนของหุ้นไทยจะผันแปรไปตามระยะเวลาที่มีม็อบ โดยยิ่งมีม็อบนาน ยิ่งกดดันตลาดมาก

ทั้งนี้ หลังจากที่หุ้นไทยแกว่งตัวไม่ไปไหนร่วม 3 เดือน และมูลค่าซื้อขายแผ่วลงต่อเนื่อง จึงเชื่อว่าจะเห็นการหมุนกลุ่มหุ้นลงทุนไปเรื่อยๆ (Sector Rotation) โดยมองว่าหลังจากนี้นักลงทุนจะให้ความสำคัญกับหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรเริ่มฟื้นตัวจากไตรมาส 2/2563 ที่เป็นจุดต่ำสุด แต่ราคาหุ้นยังขยับตัวขึ้นช้าอยู่ (Laggards) ผสานกับความหวังเกี่ยวกับพัฒนาวัคซีนที่คาดจะช่วยกระตุ้นราคาหุ้นเหล่านี้เป็นระยะ

โดยในเดือน ก.ย. มีปัจจัยติดตามที่สำคัญคือ 1. การสิ้นสุดมาตรการควบคุมความผันผวนของตลาดในสิ้นเดือน ก.ย. นี้ ทั้งการปรับเกณฑ์ Ceiling & Floor จากเดิม +/- 30% เป็น +/- 15% และการปรับเกณฑ์ Short Sales เป็น “Uptick Rule” จะทำให้ตลาดหุ้นไทยผันผวนมากขึ้น โดยเฉพาะในประเด็นหลังที่คาดว่าจะทำให้ปริมาณ Short Sales กลับมาทยอยเพิ่มขึ้นสู่ระดับปกติที่ประมาณ 5% ของมูลค่าการซื้อขายของตลาดโดยรวม 2. ความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในอดีตมักทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ แกว่งพักฐานในกรอบจำกัด

สำหรับหุ้นเด่นที่แนะนำในเดือน ก.ย. คือ AEONTS, BEM, BGC, CENTEL, CRC และ TU ด้านแนวรับสำคัญของหุ้นไทยในเดือน ก.ย. มองอยู่ที่ 1,310- 1,290 จุด และมีแนวรับถัดไปที่ 1,270-1,280 และ 1,250 จุดตามลำดับ ส่วนแนวต้านสำคัญของเดือนนี้อยู่ที่ 1,340 - 1,350 จุด และมีแนวต้านถัดไปที่ 1,380 - 1,390 จุด ตามลำดับ

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๑ ก.พ. รฟท. จัดรถไฟส่งผู้ชุมนุมขบวนคนจนเมืองเพื่อสิทธิที่อยู่อาศัย เครือข่ายสลัม 4 ภาค กลับภูมิลำเนาโดยสวัสดิภาพ
๒๑ ก.พ. BCPG เผยผลการดำเนินงานปี 2567 กำไรสุทธิกว่า 1,800 ล้านบาท เติบโต 65% จากปีก่อน พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผลครึ่งปีหลัง
๒๑ ก.พ. เกรท นำทีมศิษย์เก่า ฟอส-แบงค์ ฉลองครบรอบ 40 ปี ม.รังสิต เปิดตัว คริส หอวัง กับบทบาท ครูผู้ฮีลใจนักศึกษา แห่งสถาบัน
๒๑ ก.พ. ธนาคารกรุงเทพ ประกาศจ่ายเงินปันผล หุ้นละ 8.50 บาท สำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2567
๒๑ ก.พ. GULF เคาะแล้ว! อัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้อายุ 4-10 ปี ที่ 3.00 - 3.55% ต่อปี พร้อมเสนอขายประชาชนทั่วไป 27-28 ก.พ. และ 3 มี.ค.68 ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 10
๒๑ ก.พ. Selena Gomez, benny blanco, Gracie Abrams ส่งเพลงสนุกๆ โดนใจ Gen-Z Call Me When You Break Up การรวมตัวของอเวนเจอร์วงการเพลงป็อปที่ทุกคนรอคอย!
๒๑ ก.พ. MBK Care อาสาทำดี ปันน้ำใจสู่สังคม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ ปีที่ 7 ส่งมอบความสุขเพื่อผู้พิการทางสายตา พร้อมสิ่งของอุปโภคบริโภค
๒๑ ก.พ. บางจากฯ ปรับโครงสร้างธุรกิจ เพิ่มประสิทธิภาพและความคล่องตัวของกลุ่มบริษัทบางจาก
๒๑ ก.พ. สวยทุกลุค ชมพู่ - อารยา ถ่ายทอดไลฟ์สไตล์ของสาว GUESS ในแคมเปญคอลเลกชัน Spring Summer 2025 สีสันแห่งฤดูกาลใหม่
๒๑ ก.พ. วช. เปิดศูนย์การเรียนรู้โดรนเพื่อการเกษตร ต้นแบบการยกระดับประสิทธิภาพภาคการเกษตรของจังหวัดกาฬสินธุ์ ณ