นายชัยวัธน์ ศรมณี สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดอุดรธานี (สค.อุดรธานี) เปิดเผยว่าเนื่องจากวันที่ 12 มิถุนายน ของทุกปี เป็นวันที่สมาชิกองค์การแรงงานระหว่างประเทศได้ร่วมกันรณรงค์เพื่อยุติการใช้แรงงานเด็กทั่วโลก โดยกำหนดให้วันนี้เป็นวัน “วันต่อต้านการใช้แรงงานเด็กโลก” โดยเริ่มมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 ประเทศไทยในฐานะประเทศสมาชิกขององค์การแรงงานระหว่างประเทศที่ได้ให้สัตยาบันอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 182 ว่าด้วยการห้ามและการดำเนินการโดยทันทีเพื่อขจัดรูปแบบที่เลวร้ายที่สุดของการใช้แรงงานเด็ก เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2545 ซึ่งอนุสัญญาดังกล่าวมีบทบัญญัติให้ประเทศสมาชิกต้องกำหนดและปฏิบัติตามแผนดำเนินการเพื่อขจัดรูปแบบที่เลวร้ายที่สุดของการใช้แรงงานเด็ก โดยถือเป็นภารกิจเร่งด่วน ประเทศไทยได้กำหนดให้มีนโยบายและแผนระดับชาติเพื่อขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย พ.ศ. 2558 - 2563 ซึ่งเป็นแผน ฉบับที่ 2 ที่ครอบคลุมยุทธศาสตร์ ป้องกัน คุ้มครอง ช่วยเหลือ เยียวยา และฟื้นฟูเด็กทุกคนในประเทศไทยที่อาจตกอยู่ในสภาวะการถูกใช้เป็นแรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายที่สุด โครงการอบรมให้ความรู้ด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาการใช้แรงงานเด็ก จึงถือเป็นการสร้างความตะหนักรู้ให้แก่ประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับปัญหาการใช้แรงงานเด็กในประเทศไทย สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดอุดรธานี มีภารกิจในการคุ้มครองแรงงาน จึงได้จัดโครงการอบรมให้ความรู้ด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาการใช้แรงงานเด็ก เพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเห็นความสำคัญในการแก้ไขปัญหาการใช้แรงงานเด็กในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี ให้บังเกิดผลสัมฤทธิ์ อันเป็นการขับเคลื่อนนโยบายของประเทศในการขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายให้หมดสิ้นไป
นายชัยวัธน์ ศรมณี สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดอุดรธานี (สค.อุดรธานี) กล่าวต่อไปว่า ปัญหาแรงงานเด็ก เป็นปัญหาสังคมที่มีผลกระทบมาจากการพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมที่ขาดความสมดุล การป้องกันและแก้ไข จึงต้องมีมาตรการที่เป็นระบบและครบวงจร ตั้งแต่การรณรงค์มิให้เด็กต้องเข้าสู่ตลาดแรงงานก่อนวัยอันควร การสร้างโอกาส และทางเลือกในการศึกษา และการประกอบอาชีพแก่แรงงานเด็ก การป้องกันมิให้ถูกหลอกลวง จนถึงการคุ้มครองมิให้มีการใช้แรงงานเด็กที่ไม่เป็นธรรม อันเป็นการดำเนินมาตรการทั้งในเชิงป้องกัน คุ้มครอง ส่งเสริม และพัฒนา และเน้นการประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง ภาครัฐและเอกชน ตลอดจนดึงเอาชุมชนในท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมแก้ไขปัญหา