บีโอไอหนุนไทยฐานผลิตอุตสาหกรรมการแพทย์ อนุมัติโครงการลงทุน 1.2 หมื่นล้าน

พุธ ๐๒ กันยายน ๒๐๒๐ ๑๐:๒๕
บีโอไอ สนับสนุนไทยเป็นฐานผลิตอุตสาหกรรมการแพทย์ อนุมัติลงทุนตามมาตรการเร่งรัดการลงทุนในอุตสาหกรรมการแพทย์ กว่า 40 โครงการ มูลค่า 1.2 หมื่นล้านบาท พร้อมไฟเขียวโครงการร่วมลงทุน ไทย-เกาหลีวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูง มูลค่าลงทุนกว่า 400 ล้านบาท

นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ เปิดเผยว่า บีโอไอมุ่งส่งเสริมให้ไทยเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมการแพทย์ โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้มีมาตรการเร่งรัดการลงทุนในอุตสาหกรรมการแพทย์ ที่สิ้นสุดระยะเวลาการยื่นขอรับการส่งเสริมเมื่อเดือนมิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีโครงการที่ยื่นขอรับการส่งเสริมและอยู่ในเกณฑ์ได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมตามมาตรการนี้ จำนวน 50 โครงการ โดยบีโอไอได้อนุมัติไปแล้ว 42 โครงการ มีมูลค่าการลงทุนรวม 11,999.5 ล้านบาท

สำหรับโครงการที่ยื่นขอรับการส่งเสริม ส่วนใหญ่เป็นกิจการผลิตเครื่องมือแพทย์และชิ้นส่วน ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาล ที่ต้องการผลักดันให้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อรองรับความต้องการทั้งในและต่างประเทศในอนาคต เช่น กิจการผลิตหน้ากากอนามัย กิจการผลิตถุงมือยาง นอกจากนี้ยังมีกิจการผลิต Non-Woven Fabric เช่น Spunbond หรือ Melt blown ที่ใช้เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตหน้ากากอนามัยหรืออุปกรณ์ทางการแพทย์

ตัวอย่างบริษัทที่น่าสนใจที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนตามมาตรการนี้ ได้แก่ บริษัท แอปสลาเจน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด (สัญชาติไทย) และบริษัท HAASE INVESTMENT (สัญชาติเยอรมัน) เพื่อวิจัยพัฒนาหรือผลิตตัวทำปฏิกิริยาชีวภาพในการตรวจวินิจฉัย (BIOLOGICAL REAGENTS) และสารละลายผสมที่ใช้ในการตรวจวินิจฉัย (MASTERMIXES) ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในการนำไปใช้ในการตรวจวินิจฉัยระดับโมเลกุลหรือใช้ในการตรวจหาสารพันธุกรรม ของไวรัส ด้วยวิธี RT – PCR โดยมีมูลค่าลงทุน 9 ล้านบาท มีที่ตั้งโครงการที่จังหวัดนนทบุรี

นอกจากนี้ บีโอไอยังได้อนุมัติโครงการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ ซึ่งเป็นกิจการที่ได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุด เพื่อสนับสนุนให้ไทยเป็นฐานการผลิตในอุตสาหกรรมการแพทย์ ของบริษัท คินเจน ไบโอเทค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท คินเจน โฮลดิ้งส์ จำกัด (สัญชาติไทย) กับบริษัท เจเนไซน์ อิงค์ จำกัด (สัญชาติเกาหลีใต้) ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง โดยนำจุลินทรีย์มาผลิตสารออกฤทธิ์ชีวภาพที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตยาชีววัตถุที่จะมาทดแทนยาเคมี มูลค่าการลงทุนกว่า 400 ล้านบาท

สำหรับโครงการดังกล่าวเป็นการถ่ายทอดเทคโนโลยีการวิจัยและผลิตสารออกฤทธิ์ด้วยเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูงจากประเทศเกาหลีใต้ เพื่อพัฒนาต่อยอดกระบวนการผลิตให้กับโรงงานต้นแบบผลิตยาชีววัตถุแห่งชาติ (NATIONAL BIOPHARMACEUTICAL FACILITY, NBF) ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี โดยบริษัทได้เสนอแผนความร่วมมือในการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่มหาวิทยาลัยอีกด้วย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO