นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดี กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กล่าวในพิธีปิดโครงการสร้าง SMEs ไทยสู่เวทีการค้าสากล (ต้นกล้า ทู โกล) ประจำปี 2563 ว่า การอบรมในปีนี้ตอกย้ำถึงความยืดหยุ่นและพร้อมปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งส่วนของเนื้อหาหลักสูตรที่ปรับใหม่ทั้งหมด เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้ทางการค้ายุคใหม่ครบทุกมิติ ให้ผู้ประกอบการนำไปใช้พัฒนาธุรกิจและผลิตภัณฑ์ให้พร้อมแข่งขันในเวทีการค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมไปถึงรูปแบบการอบรมแบบ Hybrid ที่ผสมผสานระหว่างการอบรมแบบ Online ผ่านระบบ Zoom และการอบรมในพื้นที่จริงในจังหวัดจันทบุรีและเชียงใหม่ เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 คลี่คลาย
“SMEs ไทยปรับตัวรวดเร็วมาก สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ แก่ผู้บริโภค และตอบโจทย์กระแสนิยมในโลกยุคใหม่ได้ดีเยี่ยม เช่น กระแสรักสุขภาพ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีความคิดสร้างสรรค์นำวัตถุดิบในท้องถิ่นมาผลิตสินค้าใหม่ เรียนรู้ไว และสามารถใช้สื่อออนไลน์เป็นช่องทางประชาสัมพันธ์และจำหน่ายสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือ SMEs ไทย ที่แสดงถึงความพร้อม 'ตั้งรับ ปรับตัว หาโอกาส’ ได้อย่างแท้จริง” นายสมเด็จกล่าว
ทั้งนี้ โครงการต้นกล้า ทู โกล ปี 2563 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 มิถุนายน - วันที่ 20 สิงหาคม 2563 แบ่งการอบรมเป็น 4 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 การเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านการค้าระหว่างประเทศ และ การสร้างแรงบันดาลใจ ระยะที่ 2 การเสริมสร้างองค์ความรู้ระหว่างประเทศ และการสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์และการจัดทำแผนธุรกิจ ระยะที่ 3 การเสริมสร้างองค์ความรู้ระหว่างประเทศ และการพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อต่อยอดสินค้านวัตกรรม
ในเชิงสร้างสรรค์ และระยะที่ 4 ประกอบด้วยการมอบวุฒิบัตรและโล่รางวัลแก่ผู้เข้าอบรม การเสวนา การแสดงสินค้า และการเจรจาการค้ากับผู้ซื้อจำนวน 9 บริษัท ได้แก่ เครือเดอะมอลล์, เครือเซ็นทรัล, กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ , บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) , กลุ่มโรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์พอยต์, บริษัท สห ลอว์สัน จำกัด, บริษัท Grand Style Co., Ltd. ประเทศเมียนมาร์, บริษัท JB Trading ประเทศลาว, CASA ประเทศจีน
ในปีนี้มีผู้สนใจทั่วไปและผู้ประกอบการ SMEs ท้องถิ่นจากทั่วประเทศร่วมอบรมระยะแรกรวม 463 ราย และมีผู้ประกอบการนิติบุคคลจากภาคใต้ ภาคตะวันออก และภาคเหนือ ผ่านการคัดเลือกและอบรมจนครบหลักสูตร 4 ระยะ จำนวนทั้งสิ้น 50 ราย จากกลุ่มสินค้า 4 ประเภทหลักได้แก่ สินค้าเกษตร/เกษตรแปรรูป อาหารและอาหารแปรรูป และเครื่องดื่ม จำนวน 31 ราย สินค้าเครื่องสำอาง เครื่องประทินผิวและสมุนไพรไทย จำนวน 13 ราย สินค้าหัตถกรรม/เครื่องใช้และของตกแต่ง เฟอร์นิเจอร์ ของขวัญ ของชำร่วย จำนวน 3 ราย และสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ จำนวน 3 ราย
นอกจากนี้ มีการประกวดชิงรางวัล 2 ประเภท คือ รางวัลการเขียนแผนธุรกิจเชิงสร้างสรรค์ ผู้ชนะรางวัลได้แก่
ภาคใต้: คุณรุจฌ์ พวงวงศ์ บริษัท ชาวเล ซีเกรป จำกัด ผู้ผลิตสินค้า PRIME สาหร่ายพวงองุ่นภาคตะวันออก: คุณสรัลชนา อธิปัญญา บริษัท เอิร์ธบาวน์ด จำกัด ผู้ผลิตสินค้า Earthbound (เอิร์ธบาวด์น)ภาคเหนือ: คุณธันยาพร ผลนาค บริษัท ไฟน์อิมเมจ จำกัด ผู้ผลิตสินค้า ไส้กรอกเยอรมัน Nature D'Lite
รางวัลการออกแบบบรรจุภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์ ผู้ชนะรางวัล ได้แก่
ภาคใต้: คุณอากฤษฏิ์ ศศิอังกูร ห้างหุ้นส่วนจำกัด ออลวีลไรด์ ผู้ผลิตสินค้า ปลากระพงขาวรมควันทะเลสาบสงขลาภาคตะวันออก: คุณนัทมน แสงฉาย บริษัท อินทู อินเตอร์เทรด จำกัด ผู้ผลิตสินค้าลำไยแปรรูปภาคเหนือ: คุณธันยาพร ผลนาค บริษัท ไฟน์อิมเมจ จำกัด ผู้ผลิตสินค้า ไส้กรอกเยอรมัน Nature D'Lite
นางอารดา เฟื่องทอง ผู้อำนวยสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ กล่าวว่า ในปีหน้า NEA ตั้งเป้ามีผู้ประกอบการท้องถิ่นผ่านการอบรมโครงการต้นกล้า ทู โกล ตลอด 4 ระยะรวม 100 รายจากทั่วประเทศ และจะปรับหลักสูตรให้เหมาะสมและตรงกับความต้องการของ SMEs ท้องถิ่นมากยิ่งขึ้นด้วย
นอกจากนี้ สถาบันฯ ยังนำหลักการ “ตั้งรับ ปรับตัว หาโอกาส” จากอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ มาปรับใช้เป็นวิสัยทัศน์ในการดำเนินงานของ NEA ด้วยแนวทาง “NEA Care รักแท้ แชร์ความรู้” ที่ประกอบด้วย 5 กลยุทธ์หลัก มี Flagship Projects สำคัญ ดังนี้
เข้าถึง ใส่ใจ ทุกภูมิภาค ด้วยโครงการ Gen-Z to be CEO ให้ความรู้แก่นักศึกษาเพื่อปูทางสู่การเป็นผู้ประกอบการยุคใหม่ ตั้งเป้าหมายให้ความรู้แก่นักศึกษา 12,000 รายทั่วประเทศในปี 2564สร้างโอกาสในทุกระดับ ด้วยโครงการ NEA Reborn เพื่อสร้างโอกาสทางการค้าให้สายอาชีพที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 เพื่อเตรียมพร้อมสู่การค้าในยุค New Normalสร้างคุณภาพที่แตกต่าง ประกอบด้วยโครงการ Smart Content ช่วยให้ผู้ประกอบการทำธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพโครงการ Train the Creators ร่วมมือกับพาณิชย์จังหวัด 77 แห่ง สร้างนักปั้นผู้รอบรู้ทางการค้า ที่ถ่ายทอดความรู้ต่อได้เต็มที่เรื่อง Technology & Innovation ประกอบด้วยโครงการ The Guru ด้วยหลักสูตร e-learning โดยคนรุ่นใหม่ ส่งเสริมแนวคิดการเรียนรู้ที่ไม่มีสิ้นสุดหลักสูตร NEA x Huawei ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการมีความรู้ด้านเทคโนโลยีและการค้าระหว่างประเทศสนุกในทุกห้องเรียน ด้วยการเรียนรู้รูปแบบใหม่ จากโครงการตรวจสุขภาพคู่ค้า เสริมคาถาธุรกิจ ให้ผู้ประกอบการเรียนรู้ด้วยประสบการณ์จริงจากผู้รอบรู้ เพื่อตรวจสอบความน่าเชื่อถือ และความเหมาะสมกับธุรกิจ โดยมีกิมมิคคือการตรวจดูโหงวเฮ้งทางธุรกิจ