นางชนัญญารักษ์ เพ็ชร์รัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ “MC” เปิดเผยภาพรวมผลการดำเนินงานงวดปีบัญชี 2563 (1 กรกฎาคม 2562 – 30 มิถุนายน 2563) ว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 407 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 33.1% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมีรายได้จากการขาย จำนวน 3,182 ล้านบาท ลดลง 4.8% หลังจากไตรมาส 4/63 (เม.ย.-มิ.ย.63) ทำได้ 550 ล้านบาท เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ได้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ
โดยเฉพาะในช่วงที่รัฐบาลประกาศใช้มาตรการ Lockdown ระหว่างวันที่ 22 มีนาคม - 17 พฤษภาคม 2563 ทำให้ต้องปิดช่องทางการขายออฟไลน์ (ร้านค้าปลีกของตนเอง, ห้างสรรพสินค้า และซูเปอร์สโตร์) ชั่วคราวกว่า 90% แต่ด้วยการพลิกกลยุทธ์ปรับไลน์การผลิต ทำสินค้าใหม่ออกมารองรับดีมานส์ตลาดอย่างทันถ่วงที อาทิ หน้ากากผ้า และหมวกป้องกันเชื้อโรค พร้อมรุกช่องทางการขายผ่านออนไลน์เต็มรูปแบบ ทำให้ยอดขายออนไลน์เติบโตแบบก้าวกระโดด
ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ส่งผลภาพรวมอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) เฉลี่ยทั้งปี 2563 ยังอยู่ในระดับสูงที่ 58.2% โดยอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ปรับเพิ่มขึ้นจาก 9.0% ในช่วงเดียวกันปีก่อน มาอยู่ที่ 12.7% ตามการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร อาทิ การเจรจาส่วนลดค่าเช่าพื้นที่ช่วง COVID-19 และค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ที่ 1,391 ล้านบาท ปรับลดลง 8.3% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน ทำให้สัดส่วนค่าใช้ในการขายและบริหารต่อรายได้จากการขาย ปรับลดลงจาก 45.4% ในช่วงเดียวกันปีก่อน เหลือ 43.7%
“ปีนี้ถือเป็นปีที่ท้าทายและยากลำบากมากสำหรับทุกธุรกิจ COVID-19 เป็นปัจจัยที่เข้ามาเร่งรัดให้เราปรับ Supply chain ทั้งระบบอย่างรวดเร็ว พร้อมปรับ Business model อย่างฉับพลัน ทั้งปรับไลน์ผลิต และช่องทางการขายที่หันมามุ่งออนไลน์เป็นหลัก ผลักดันพนักงานขายหน้าร้าน เป็นนักขายออนไลน์ ซึ่งก้าวต่อไปของแม็คกรุ๊ป จะมุ่งเน้นออนไลน์มากขึ้นตั้งเป้า 2021 มีสัดส่วนไม่น้อยกว่า 15% ของยอดขายรวม” นางชนัญญารักษ์กล่าว
นางชนัญญารักษ์ บอกเพิ่มเติมว่า ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2563 ได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผล 0.20 บาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล 107.8% ของกำไรสุทธิ กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นได้รับสิทธิ (Record date) วันที่ 6 พ.ย. 2563 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 25 พ.ย. 2563
ทั้งนี้ ฐานะการเงินล่าสุด ณ 30 มิถุนายน 2563 บริษัทฯ มีเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้น จำนวน 1,481 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากการลดลงของสินค้าคงคลัง (Inventory) เป็นสำคัญ มาอยู่ที่ 1,410 ล้านบาท ลดลง 12.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน