ภายใต้การนำโดยคุณพรศักดิ์ เตชะสมบูรณากิจ ผู้สืบทอดกิจการของครอบครัว ในโลกที่เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทและกลายเป็นกลยุทธ์ในการขายออนไลน์ของรองเท้าเพื่อสุขภาพ TALON ผ่านแพลตฟอร์ม Social ทั้งไลน์ และ Facebook จนเป็นที่รู้จักในบทบาทของการเป็น Foot Specialist และธุรกิจมีอัตราการเติบโตในระดับก้าวหน้า ต่อยอดด้วยการเปิดคลินิกสุขภาพเท้าพระราม 2 (Foot Clinic) เจ้าแรกในประเทศไทยที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเท้าจากประเทศออสเตรเลียคอยให้คำปรึกษากับลูกค้าที่มาซื้อรองเท้า เราตัดรองเท้าและแผ่นรองเท้า เฉพาะบุคคลให้กับ คนที่มีปัญหา อาทิเช่น ช่วงขาสั้นยาวไม่เท่ากัน เท้าเล็กใหญ่ เท้าแบน รองช้ำ เท้าอูมบวม กระดูกเท้าคด ใส่รองเท้าแบบปกติไม่ได้ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวาน ที่จำเป็นต้องตรวจหลอดเลือดเชิงลึกเพื่อป้องกันการโดนตัดเท้า ซึ่งคนไข้ส่วนใหญ่เลือกมาใช้บริการที่คลินิกสุขภาพเท้าพระราม 2 ตั้งอยู่เลขที่ 247 ถนนบางขุนเทียน แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม.
นายพรศักดิ์ เตชะสมบูรณากิจ กรรมการบริหารฝ่ายการตลาดรองเท้าสุขภาพแบรนด์ Talon บริษัท ฟุต คลีนิค จำกัด กล่าวว่า "เราไม่ได้ต้องการขายรองเท้า แต่เราต้องการช่วยแก้ปัญหาสุขภาพเท้าให้คนไทย แบบครบวงจร เรามี Technology เป็นเครื่องตรวจที่ได้มาตรฐานระดับโลก มี Specialist เป็นคุณหมอเฉพาะทางเกี่ยวกับเท้า มี Designer เป็นช่างตัดรองเท้า เพื่อให้คนไทยได้รองเท้าที่ ดี สวย และช่วยได้จริง ซึ่งแม้แต่โรงพยาบาลชั้นนำยังไม่สามารถทำได้ เพราะเขาตัดรองเท้าไม่ได้ โดยลูกค้าของเรามีทั้งผู้สูงอายุ เด็กเท้าที่มีลักษณะแบน กระดูกโปน รองช้ำ นักกีฬา โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเท้าจากโรค เช่น โรคเบาหวาน ซึ่งต้องมีรองเท้าชนิดพิเศษเพื่อป้องกันการตัดเท้า และปัญหาเรื่องเท้าอื่น ๆ เป็นการเฉพาะ”
คลินิกสุขภาพเท้าพระราม 2 เปิดดำเนินการมาได้ 1 ปีกว่าแล้ว โดยตัดรองเท้าให้กับคนไข้ของโรงพยาบาลต่าง ๆ ที่แพทย์ได้ทำการวิเคราะห์ปัญหาให้กับคนไข้ แต่ไม่สามารถตัดรองเท้าและแผ่นรองให้กับคนไข้เฉพาะรายได้ และเมื่อบอกให้คนไข้ไปซื้อรองเท้าที่เหมาะสม คนไข้ก็จะงงว่าต้องไปซื้อที่ไหน หรือ รองเท้าที่เหมาะสมนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร การเปิดคลินิกเท้า จึงเป็นการตอบโจทย์ในการช่วยแก้ปัญหาสุขภาพเท้าให้คนไทยแบบครบวงจร (One Stop Shopping) นอกจากนี้ยังมีสาขาที่สามารถสั่งตัดรองเท้าได้ที่ไอคอนสยาม , โรงพยาบาลเทพธารินทร์ และจะทยอยเปิดตามห้าง Central ที่มีแผนก Elderly ส่วน สาขาที่โรงพยาบาลกรุงเทพ และ โรงพยาบาลสมิติเวช จะขายเฉพาะรองเท้าสุขภาพนำเข้า Rebecca Lim’s by TALON
“คนไทยมีปัญหาสุขภาพเท้ามาก แต่ไม่รู้ที่ไหนที่ช่วยได้จริง เพราะใคร ๆ ก็บอกว่าตัวเองเป็นรองเท้าสุขภาพที่ดี แต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าช่วยได้จริงเหมือน TALON เพราะไม่มีหมอเท้า ไม่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย พอเราลงบทความสุขภาพเท้า ใน www.รองเท้าสุขภาพ.com และโปรโมทคลินิกสุขภาพเท้าพระราม 2 ไปทางออนไลน์คนก็ให้ความสนใจจองคิวตรวจเท้ากับคุณหมอ เต็มเกือบทุกเสาร์ ต้องจองล่วงหน้า เป็นเดือน” นายพรศักดิ์ กล่าว
คุณหมอสิทธิ์พงษ์ (หมอเฟริส) มีภักดี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเท้าจากประเทศออสเตรเลีย กล่าวว่า คลินิกสุขภาพเท้าพระราม 2 จะเน้นเรื่องศาสตร์ทางเท้าเพื่อปรับเปลี่ยนโครงสร้าง ลักษณะการเดิน การดูแลเท้าของคนไข้ หรือผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเท้า ไม่ให้มีอาการที่แย่ไปมากกว่าเดิม เช่น กลุ่มเท้าแบน กลุ่มคนไข้กระดูกโปน กลุ่มนักกีฬา เล่นกีฬาบ่อยร้องเท้าควรเป็นแบบไหน และผู้ที่มีปัญหารองช้ำ มีอาการเจ็บหน้าเท้า เพื่อลดอาการบาดเจ็บที่เท้า
โดยหมอจะตรวจและรักษาอาการทั่วไปตามหลักทางการแพทย์ มีการซักประวัติ สอบถามข้อมูล พฤติกรรมการเดิน มีการตรวจสอบเชิงลึกไปถึง Manual Medical Skill ลักษณะทางกายภาพเท้าที่เกิดขึ้น (Pathology) รวมถึงในเรื่องของ ชีวกลศาสตร์ทางเท้า (Bio Mechanic) ลักษณะของการวินิจฉัยแบบใหม่ที่แพทย์เฉพาะทางเท้าเป็นผู้เชื่ยวชาญ และนอกจากดูลักษณะ Visualize แล้วยังต้องดูจาก Medial Technic โดยทางคลินิกมีเครื่องตรวจวัดเท้าด้วย Foot Pressure Sensor ซึ่งเป็นเครื่องวัดแรงกดเท้าจากการเดิน ที่ได้มาตรฐานจากประเทศอิตาลี เพื่อตัดแผ่นรองเฉพาะบุคคล และเครื่องสแกน 3 มิติ (3D Scanner) ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าวิธีการหล่อเท้าด้วยปูนที่ล้าสมัยและประสิทธิภาพด้อยกว่ามาก
“คนไทยที่ไปเรียนด้านเท้าที่ออสเตรเลียส่วนใหญ่เมื่อจบการศึกษาก็จะตัดสินใจอยู่ที่นั่นเลย อาจจะเป็นเพราะว่าประเทศไทยยังไม่เห็นความสำคัญเรื่องของเท้า ทั้ง ๆ ที่หากมองในเรื่องของการตลาด ก็ยังมีแนวโน้มไปในทางที่ดีอยู่ ซึ่งการที่ได้มาประจำที่คลินิกสุขภาพเท้าพระราม 2 จึงทำให้เห็นผลตอบรับที่คุ้มค่า ทั้งจากคนไข้และผู้มาใช้บริการทั่วไป สามารถเห็นได้ชัดเจนเลยว่า คนไข้ให้ความสำคัญกับเท้ามากขึ้น จึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่ผมตัดสินใจกลับมาเมืองไทย เพื่อมาดูแลคนไข้ที่มีปัญหาเรื่องเท้าให้สามารถมีรองเท้าที่เหมาะสมกับเท้าของตัวเอง ช่วยให้คนไข้ได้ใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข” หมอเฟริส กล่าวทิ้งท้าย