MOBIUS: การธนาคารกับ GAMECHANGER (เปลี่ยนเกมธุรกิจ พลิกเป็นผู้ชนะ) ในยุคใหม่

จันทร์ ๑๔ กันยายน ๒๐๒๐ ๑๓:๓๕
Silverlake Axis Ltd (SAL) ผู้ให้บริการระบบการทำงานพื้นฐานของธนาคารทั้งหมดในระดับสากล ที่ติดอันดับ 40% ในเทียร์ 1 และ เทียร์ 2 ของธนาคารในอาเซียน ได้ประกาศเปิดตัว M?BIUS ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มโอเพ่นแบงก์กิ้ง (ระบบการเงินที่เปิดกว้างแก่องค์กรธุรกิจ) บนคลาวด์เนทีฟ (ระบบเก็บข้อมูลที่นำเอาข้อมูลทั้งหมดขึ้นไปเก็บไว้บนระบบอินเทอร์เน็ต) ได้เปิดตัวในการประชุม Asian Financial Services (AFS) ประจำปีครั้งที่ 16 ในเดือนสิงหาคม 2020 สมัยการประชุมของ M?BIUS และการอภิปรายที่ต่อเนื่องกันมานั้นได้มีผู้เข้าร่วมจากสถาบันการเงิน 550 แห่งและภาคองค์กรธุรกิจกว่า 2000 องค์กร รวมถึงผู้บริหารองค์กรทางด้านธุรกิจเทคโนโลยีและด้านการปฏิบัติงานจาก 17 ประเทศ ทั่วโลก

M?BIUS เป็นแพลตฟอร์มการธนาคารแบบเปิดเชิงกลยุทธ์โดย Silverlake ได้รับรางวัล เทคโนโลยีดิจิตัลที่เป็นฟีเจอร์การแสดงผลทางหน้าจอให้แก่ผู้ใช้บริการ ที่ได้รับการพิสูจน์และเป็นที่ยอมรับในการประมวลผลระบบการทำงานพื้นฐานของธนาคารทั้งหมด เพื่อสร้างแพลตฟอร์มแบบ end-to-end ที่เป็นระบบดิจิทัลแบบครบวงจรสำหรับการธนาคารพาณิชย์

นับเป็นครั้งแรกที่ M?BIUS เป็นผู้ให้บริการด้านการธนาคารหลักรายใหญ่ ที่ได้รวมเอาความสามารถด้านดิจิทัลในการเข้าหาลูกค้า เพื่อสร้างแพลตฟอร์มแอปพลิเคชันแบบเปิดและครบวงจรสำหรับการธนาคารพาณิชย์

สิ่งที่ Silverlake Axis ประสบความสำเร็จผ่าน M?BIUS คือช่วยให้ผู้เล่นในอุตสาหกรรมสามารถนำระบบธนาคารหลักของตนข้ามไปยังแพลตฟอร์มของ M?BIUS ซึ่งจะช่วยให้พวกเขารวมการดำเนินงานทั้งหมดเข้ากับแพลตฟอร์มหลักเดียวได้อย่างสมบูรณ์

อุตสาหกรรมการธนาคารก็เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ต้องเจอปัญหา ทำความเข้าใจและวางแผนเพื่อรับมือกับสิ่งเหล่านี้ที่มีความแตกต่างกันในแต่ละสถานที่ของธุรกิจนั้นๆ ในการอภิปรายหลักของพวกเขาที่ AFS Congress คุณ ชู ซู ชิง (Choo Soo Ching) กรรมการผู้จัดการบริษัทซิลเวอร์เลค ดิจิตัล อิโคโนมี ( Silverlake Digital Economy) และ คุณ ไซรัส ดารุวาลา(Cyrus Daruwala) กรรมการผู้จัดการบริษัท ไอดีซี ไฟแนนชัล อินไซด์ (IDC Financial Insights) เห็นพ้องกันว่าธนาคารในเอเชีย รวมถึงประเทศไทย พร้อมจะพลิกเกมส์ธุรกิจใหม่ด้วยการสร้างแผนการตลาดเชิงรุก 2 แผน ดังนี้

การสร้างแหล่งรายได้ใหม่โดยการสร้างระบบนิเวศที่เชื่อมต่อกัน สร้างรายได้จากข้อมูลและทำให้การธนาคาร (และทำงานให้กับธนาคาร) เป็นประสบการณ์ที่ 'แตกต่าง’ โดยสิ้นเชิงการเร่งขีดความสามารถทางดิจิทัลของพวกเขาด้วยการสร้างธนาคารที่มีพลวัต ว่องไวและเชื่อมต่อกัน ซึ่งต่อจากนี้ก็จะพร้อมรับมือกับปัญหาต่างๆจากทั่วทุกมุมโลก

จากความไม่แน่นอนของผลกระทบจากวิถีการใช้ชีวิตแบบใหม่ (New Normal) ส่งผลกระทบต่อความเร็วและเป้าหมายของการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล และทดสอบความสมบูรณ์และความยืดหยุ่นของแพลตฟอร์มใหม่ของการธนาคารหลักทางดิจิทัล การเปิดตัวของ M?BIUS เป็นไปอย่างทันท่วงที เนื่องจากแพลตฟอร์ม M?BIUS ได้ส่งมอบโครงสร้างระบบการทำงานของธนาคารที่หลากหลายของ Silverlake ในเทคโนโลยีคลาวด์เนทีฟและเทคโนโลยีโอเพ่นซอร์สที่ทันสมัย

M?BIUS ช่วยให้ธนาคารในสังกัดสามารถรวมบริการลูกค้าในอุตสาหกรรมมาตรฐานซึ่งสามารถนำมาซึ่ง “การคิดนอกกรอบของ M?BIUS” ผนวกกับนวัตกรรมที่กำหนดค่าได้ "ไร้รหัส" (no-code) บริการส่วนบุคคล นิเวศบริการ และการปฏิรูประบบบริการที่ถูกสร้างบน M?BIUS ที่ได้รับการสนับสนุนพัฒนาจาก DEVOPS ทั้งหมดได้รับการบรรจุและปรับให้เหมาะสมสำหรับโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ต่อสาธารณะ ส่วนตัว หรือไฮบริดที่ธนาคารเลือก

การศึกษาวิจัยอย่างละเอียดซึ่งนำโดย IDC ที่มีธนาคารมากกว่า 100 แห่งในภูมิภาคนี้ได้ชี้ให้เห็นถึงความเร่งด่วนของการเปลี่ยนแปลงนี้ ในปาฐกถาพิเศษของเขาในงาน AFS Congress นาย Andrew Tan กรรมการผู้จัดการกลุ่ม Silverlake Axis ยอมรับว่านี่เป็นเวลาที่ดีที่สุดสำหรับธนาคารในการประเมินเชิงกลยุทธ์และปรับปรุงระบบธนาคารหลักที่มีอยู่ให้เป็นระบบที่คล่องตัวเชื่อมต่อและรองรับอนาคตได้มากขึ้น

“ธนาคารบอกเราว่าพวกเขากำลังคิดทบทวนรูปแบบธุรกิจใหม่อยู่แล้วและกำลังทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตรงประเด็น เพราะตอนนี้เศรษฐกิจและอุตสาหกรรมกำลังเปิดกว้างอีกครั้ง” คุณแอนดรูว์กล่าว

“ในฐานะ 'พันธมิตร’ ที่มีประสบการณ์อย่างแท้จริงกับแพลตฟอร์มที่ผ่านการทดสอบและพิสูจน์แล้ว การปลูกฝังความรู้จะเป็นหัวใจสำคัญในขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลงนี้” เขากล่าวเสริม

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Silverlake Axis ได้ที่ www.silverlakeaxis.com

เกี่ยวกับ Silverlake Axis

Silverlake Axis สร้างเทคโนโลยีเพื่อเปิดใช้งาน Digital Economy (การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศโดยการนำเอาไอทีหรือเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้เพื่อเพิ่มผลผลิต) สิ่งที่ทำให้เราแตกต่างคือรากฐานสำหรับหลักการคำนวณของเราซึ่งมีพื้นฐานมาจากแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา Silverlake Axis ได้พัฒนาโดยใช้คณิตศาสตร์เพื่อปรับแต่ง ขยายและคิดค้นเทคโนโลยีขยายไปสู่อุตสาหกรรมและตลาดใหม่ ๆ ในเวลาเดียวกัน

นอกเหนือจากจุดแข็งของเราในระบบธนาคารหลักแล้ว Silverlake Axis ได้คิดค้นความสามารถของเราขึ้นมาใหม่เพื่อทำให้ตัวเองเป็นศูนย์กลางของ Digital Economy รวมทั้งช่วยให้สามารถเปลี่ยนแปลงประสิทธิภาพและความคล่องตัวทางธุรกิจได้

ปัจจุบันมีรายชื่ออยู่ใน Singapore Exchange Mainboard มากกว่า 40% ของธนาคารที่ใหญ่ที่สุด 20 อันดับแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใช้หลักการแก้ปัญหาธนาคารของ Silverlake Axis วันนี้ Silverlake Axis เป็นพันธมิตรแพลตฟอร์มระบบหลักที่เป็นทางเลือกสำหรับสถาบันการเงินระดับซูเปอร์ของภูมิภาคอาเซียนที่ใหญ่ที่สุด 3 ใน 5 แห่ง Silverlake Axis ยังคงนำเสนอข้อเสนอเศรษฐกิจดิจิทัลที่เป็นนวัตกรรมและการแก้ปัญหาระดับองค์กรให้กับลูกค้าในระบบธนาคาร การประกันภัย การค้าปลีก การชำระเงินและระบบโลจิสติกส์ (ระบบการจัดการการส่งสินค้า ข้อมูล และทรัพยากรอย่างอื่นจากจุดต้นทางไปยังจุดบริโภคตามความต้องการของลูกค้า)

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๓:๐๗ ทีทีบี ครองธนาคารไทยคะแนนสูงสุดด้าน ESG ต่อเนื่องปีที่ 6 ตอกย้ำความสำเร็จบนเส้นทางสู่ การธนาคารเพื่อความยั่งยืน
๑๓:๔๐ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดคาดเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวต่อเนื่องหนุน กนง. คงดอกเบี้ยนโยบาย
๑๓:๒๕ หมอนรองกระดูกเสื่อม สาเหตุปวดร้าวลงขา
๑๒:๕๖ กรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ มองเศรษฐกิจโลก 2025 ฟื้นตัว แม้มีปัจจัยเสี่ยง ชี้ตราสารหนี้และหุ้นยังคุ้มค่าท่ามกลางความผันผวน
๑๒:๒๗ Thailand Privilege Card จับมือ ASAVA ปรับโฉมยูนิฟอร์มด้านบริการ ภายใต้คอนเซปต์ GRACE สะท้อนอัตลักษณ์ไทยร่วมสมัยสู่สากล
๑๑:๐๔ เครือสหพัฒน์ จัดสัมมนาเสริมบทบาทคณะกรรมการ ESG เดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน
๑๑:๒๖ กสิกรไทยส่งบริการมัดใจตลาดเวียดนาม กวาด 2 รางวัลใหญ่ ระดับนานาชาติ สุดยอดบัตรเครดิตใหม่และสุดยอดธนาคารแห่งใหม่เพื่อเอสเอ็มอีออนไลน์
๑๑:๕๙ 'พฤกษา' ตอกย้ำผู้นำด้านอสังหาฯ ผนึกความเชี่ยวชาญด้านการอยู่อาศัย สู่การสร้างชุมชนสุขภาพดี มอบสิทธิพิเศษ และโครงการดูแลสุขภาพลูกบ้านตลอดปี
๑๑:๒๓ TFG ติดปีก! ปี 67 กำไรพุ่งแตะ 3,143.81 ลบ. เพิ่มขึ้น 486.93%
๑๑:๑๖ SO ตอบแทนผู้ถือหุ้นโดยจ่ายปันผล 85% ของกำไร หรือ 0.18 บาท/หุ้น กวาดกำไรปี 67 กว่า 153 ล้านบาท