ดร.กิตติ สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการ บพท. กล่าวว่า การดำเนินโครงการเริ่มต้นจากพื้นที่นำร่อง 10 จังหวัด ที่มีรายได้ภาคครัวเรือนต่ำที่สุด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน ชัยนาท ปัตตานี กาฬสินธุ์ อำนาจเจริญ สุรินทร์ ยโสธร ศรีสะเกษ มุกดาหาร และสกลนคร โดยมีเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและยั่งยืน โดยประชากรกลุ่มยากจนหลุดพ้นจากความยากจนอย่างยั่งยืน และสามารถเข้าถึงทรัพยากร การศึกษา สวัสดิการต่างๆ ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตได้อย่างเท่าเทียม มีระบบวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อติดตามกลุ่มเป้าหมายคนจนที่มีความแม่นยำ เพื่อให้การจัดสรรสวัสดิการรัฐมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น รวมถึงคนจนไม่น้อยกว่า 10,000 คน ได้รับการพัฒนาความรู้และทักษะเพื่อปรับเปลี่ยนเป็น knowledge worker หรือ smart farmer มีรายได้และคุณภาพชีวิตดีขึ้น
ผู้อำนวยการ บพท. กล่าวว่า จากการดำเนินงานวิจัยมา 2 เดือน พบว่า สามารถดำเนินงานวิจัยได้ตามแผน ทั้งการพัฒนาและทดสอบเครื่องมือการสำรวจและวิเคราะห์ปัญหาความยากจนในพื้นที่ และพัฒนากลไกความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนทั้งระดับส่วนกลางและระดับพื้นที่ โดยทีมสถาบันการศึกษาในพื้นที่สร้างกลไกความร่วมมือกับจังหวัด เป็นคณะกรรมการแก้ไขปัญหาความยากจนของจังหวัด และเริ่มขับเคลื่อนการสำรวจปัญหาความยากจนรายครัวเรือน เพื่อส่งต่อความช่วยเหลือทั้งระดับพื้นที่และส่วนกลาง นอกจากนี้ ทีมภาคประชาสังคมยังได้พัฒนาระบบและเครื่องมือกลางในการสำรวจ วิเคราะห์สภาพปัญหาเชิงลึกของคนจนในพื้นที่และสำรวจศักยภาพและทุนในพื้นที่ สร้างระบบการช่วยเหลือและจัดการหนุนเสริมกระบวนการทำงานกับกลไกจังหวัด และสร้างพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่าง 10 จังหวัด ขณะเดียวกัน บพท. ยังได้ประสานทำความร่วมมือกับ กระทรวงมหาดไทย ในด้านจัดตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนโครงการวิจัยร่วมกับคณะกรรมการแก้ไขปัญหาความยากจนของจังหวัด เพื่อติดตามและประสานงานการทำงานร่วมกันแบบบูรณาการ รวมถึงการประสานทำความร่วมมือกับสถาบันวิจัยป๋วย อึ้งภากรณ์ ธนาคารแห่งประเทศไทย ในการพัฒนา system based research พร้อมทั้งวิจัยนโยบาย ทำ state of development และทำการสังเคราะห์งานภาพรวมและเชื่อมโยงระบบในระดับชาติ
ทั้งนี้ในระหว่างวันที่ 5 - 7 กันยายน ที่ผ่านมา ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ พร้อมคณะผู้บริหารจากกระทรวง อว. ลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงานโครงการวิจัยและนวัตกรรมเพื่อพัฒนาพื้นที่ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา และมหาวิทยาลัยพะเยา เรื่องการนำทุนทางวัฒนธรรมมาต่อยอดสู่การสร้างเศรษฐกิจฐานราก เน้นการมีส่วนร่วมของภาคีในพื้นที่ระหว่างภาครัฐ เอกชน และประชาคมในพื้นที่ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. ชื่นชมการทำงานในพื้นที่ของทุกภาคส่วน นอกจากได้เห็นศักยภาพของนักวิจัยในมหาวิทยาลัยแล้ว ชาวบ้านยังเข้าใจว่างานวิจัยคืออะไร ซึ่งทางกระทรวงฯ จะสนับสนุนให้ บพท .เข้ามาพัฒนาให้เกิดผลเป็นรูปธรรมชัดเจนต่อไป